กรมอุตุฯ พยากรณ์อากาศ ช่วงตรุษจีน 26-28 ม.ค. เตรียมรับลมหนาวระลอกใหม่

 
              กรมอุตุนิยมวิทยาคาดช่วงวันที่ 23 – 25 มกราคม อากาศอุ่น รวมถึงการสะสมของฝุ่นละอองเพิ่ม จากนั้น 26 – 28 มกราคม ทั่วไทยอากาศเย็นลง และลมหนาวจะอ่อนกำลังลงหลังวันที่ 29 มกราคม



พยากรณ์อากาศ

              วันนี้ (23 มกราคม 2568) นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ
กรมอุตุนิยมวิทยา เผยว่า ช่วงวันที่ 23 -25 ม.ค.68
มวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนจะเริ่มมีกำลังอ่อนลง
ทิศทางลมเริ่มเปลี่ยนแปลงบ้าง อากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นแล้ว
เดินทางสัญจรระวังหมอกในตอนเช้า
ช่วงที่ลมอ่อนลงต้องเฝ้าระวังการสะสมของฝุ่นละออง ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
ออกนอกบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัย ส่วนบริเวณภาคใต้มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
คลื่นลมมีกำลังอ่อนลง

              ช่วง 26 – 28 มกราคม 2568
ยังมีมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคอีสานและทะเลจีนใต้
ทำให้มีอุณหภูมิลดลง โดยมีอากาศเย็นถึงหนาว บริเวณภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน
กับมีลมแรงบริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก
ระวังรักษาสุขภาพช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง ช่วงเทศกาลตรุษจีน
มีลมแรงและอากาศแห้งระวังอัคคีภัยที่เกิดขึ้นได้ง่าย
ส่วนฝนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง
คลื่นลมแรงขึ้น ต้องติดตามและเฝ้าระวังคลื่นลมแรง

              ช่วง 29 มกราคม –
6 กุมภาพันธ์ 2568 มวลอากาศเย็นยังแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน
แต่เริ่มอ่อนกำลังลง ทำให้อากาศเริ่มอุ่นขึ้น
ลมเริ่มเปลี่ยนแปลงทิศทางโดยมีลมทิศใต้ และตะวันออกเฉียงใต้พัดแทรกบางเวลา
ฤดูหนาวยังไม่สิ้นสุด ช่วงที่ลมอ่อนลงต้องระวังการสะสมของฝุ่นละออง
ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกช่วง ฝนน้อย ออกกนอกบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัย 
(ข้อมูลนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ตามข้อมูลนำเข้าและประมวลผลใหม่
ใช้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจและติดตามสภาพอากาศ)

พยากรณ์อากาศ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมอุตุนิยมวิทยา

              ขณะที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา
ล่าสุด (23 มกราคม 2568) รายงานพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า
บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง
จึงทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย

              โดยภาคเหนือ
และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง
รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน
จะมีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับบริเวณยอดดอยและยอดภูจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด
และมีน้ำค้างแข็งบางแห่งบริเวณยอดดอย

              อย่างไรก็ตาม พบว่าในวันที่ 26 –
28 มกราคม 2568
บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกจากประเทศจีน
จะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้
ทำให้ประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น
ส่งผลให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนล่างของภาค
ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น
โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2 – 3 เมตร
ขณะที่บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจะมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

              ทั้งนี้
สภาวะอากาศที่มีผลต่อการสะสมฝุ่นละอองในระยะนี้
เนื่องจากการระบายของอากาศไม่ดี และมีลมอ่อน
ทำให้การสะสมของฝุ่นอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างมากถึงมาก

ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา, เฟซบุ๊ก Somkuan Tonjan

ลูกจ้างล้างจานเอาแต่ดูมือถือ นายจ้างสุดทนขอเตือน เห็นหน้าจอถึงกับชะงักน้ำตาซึม

          ลูกจ้างล้างจานเอาแต่ดูมือถือตอนทำงาน นายจ้างสุดทนขอเข้าไปเตือน จนได้เห็นหน้าจอ เป็นภาพที่ไม่เคยคิด ถึงกับชะงักน้ำตาซึม



ลูกจ้างล้างจานเอาแต่ดูมือถือ นายจ้างสุดทนขอเตือน เห็นหน้าจอถึงกับชะงักน้ำตาซึม
ภาพจาก Threads @hwachun_garden

          เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 เว็บไซต์ Soha เผยว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีเรื่องราวของนายจ้างรายหนึ่งในเกาหลีใต้ กลายเป็นประเด็นไวรัลบนโซเซียลมีเดีย ภายหลังจากเผยภาพของพนักงานลูกจ้างต่างชาติรายหนึ่ง กำลังยืนดูโทรศัพท์มือถืออย่างใจจดใจจ่อขณะที่กำลังทำงานล้างจาน ทำให้เขาเกิดความไม่พอใจในตอนแรก คิดว่าพนักงานคนนี้ขาดวินัยในการทำงาน แต่ปรากฏว่าเมื่อได้เห็นหน้าจอโทรศัพท์ที่ลูกจ้างรายนี้ยืนดู เขาถึงกับต้องขอโทษในท้ายที่สุด

          โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านทางชุมชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา โดยนาย A (นามสมมุติ) นายจ้างชาวเกาหลีใต้ เขียนหัวข้อว่า “พนักงานกำลังดูโทรศัพท์มือถือขณะล้างจานในครัว” พร้อมทั้งเผยว่า ที่ร้านของเขามีลูกจ้างชาวเวียดนามหลายคน แต่จะมีอยู่คนหนึ่ง เอาแต่ดูโทรศัพท์มือถือตลอดเวลาที่ล้างจาน จนกระทั่งเขารู้สึกทนไม่ไหว

ลูกจ้างล้างจานเอาแต่ดูมือถือ นายจ้างสุดทนขอเตือน เห็นหน้าจอถึงกับชะงักน้ำตาซึม
ภาพจาก Threads @hwachun_garden

          “ฉันทนมาหนึ่งครั้ง สองครั้ง และในที่สุดก็ถึงขีดจำกัด ฉันเลยพูดว่า นี่ คุณทำอะไรอยู่ ? ทำไมคุณถึงดูโทรศัพท์ตอนล้างจานอยู่ตลอดเวลา จานก็กองอยู่เต็มไปหมด”

          เจ้าของร้านถ่ายคลิปวิดีโอในขณะที่เขาเดินเข้าไปต่อว่าลูกจ้างหนุ่มด้วยความหงุดหงิด
ลูกจ้างหนุ่มรายนั้นตกใจมาก หันกลับมามองเจ้านาย
แต่สายตาของเขาก็ยังไม่วายสลับไปมองจอโทรศัพท์
กระทั่งทางเจ้าของร้านได้เห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในจอชัด ๆ
ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย

ลูกจ้างล้างจานเอาแต่ดูมือถือ นายจ้างสุดทนขอเตือน เห็นหน้าจอถึงกับชะงักน้ำตาซึม
ภาพจาก Threads @hwachun_garden

          ความจริงก็คือ
ลูกจ้างหนุ่มรายนี้ไม่ได้ดูความบันเทิงเพื่อความเพลิดเพลินแต่อย่างใด
แต่เป็นภาพ CCTV จากกล้องวงจรปิดที่เขาติดเอาไว้ที่บ้านในประเทศเวียดนาม
โดยลูกจ้างรายนี้ได้อธิบายถึงเหตุผลที่เขาต้องเปิดดูมันบ่อย ๆ กล่าวว่า “งานล้างจานมันหนักมาก แต่ผมรู้สึกมีพลังเมื่อคิดถึงครอบครัวที่เวียดนาม”

          ในขณะนั้นเอง
จอโทรศัพท์ของลูกจ้างหนุ่มรายนี้ได้แสดงให้เห็นภาพครอบครัวหนึ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน
ชวนให้เจ้าของร้านรู้สึกสะเทือนใจ
เมื่อได้รู้ว่าลูกจ้างหนุ่มรายนี้จำเป็นต้องจากครอบครัวมาทำงานไกลบ้านถึงต่างแดนในเกาหลีใต้เพื่อหาเงินส่งกลับไปให้ที่บ้าน 

ลูกจ้างล้างจานเอาแต่ดูมือถือ นายจ้างสุดทนขอเตือน เห็นหน้าจอถึงกับชะงักน้ำตาซึม
ภาพจาก Threads @hwachun_garden

          “ตอนนั้นฉันพูดไม่ออก ฉันรู้สึกสะเทือนใจเมื่อเห็นเหตุผลที่เขาทำงานนัก ฉันมีครอบครัว และเขาก็มีครอบครอบครัวเช่นเดียวกัน” นาย A  กล่าว

         
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากโพสต์ดังกล่าวกลายเป็นประเด็นที่สนใจ
ชาวเน็ตต่างพากันเข้าไปแสดงความเห็นถกเถียง ส่วนหนึ่งรู้สึกเห็นใจและเข้าใจ
กล่าวว่า “ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งทำงานหนัก และต้องดูแลครอบครัวไปด้วย
แถมยังอยู่ไกลกันมาก ได้แค่มองผ่าน CCTV”
แต่บางส่วนก็มองว่า “ทุกคนต่างมีภาระหน้าที่ ต้องแยกแยะระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว
เพื่อไม่ให้เป็นการเอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน ในเวลางานควรทำงานไปก่อน
แล้วช่วงพักค่อยวิดีโอคอลคุยกับครอบครัว”
 
ขอบคุณข้อมูลจาก Soha, Insight

แม่สาวสุดสตรอง หอบลูก 2 ขายของข้างถนน เปิดเรื่องราวเบื้องหลัง จนเป็นไวรัลดัง

         คุณแม่ทั้งสวยทั้งสตรอง หอบลูก 2 คนตั้งร้านขายของข้างถนน เปิดเรื่องราวความรักอันแข็งแกรงน่าทึ่ง จนกลายเป็นไวรัลดังสนั่น



แม่สาวสุดสตรอง หอบลูก 2 ขายของข้างถนน
ภาพจาก Douyin

          วันที่ 22 มกราคม 2568 เว็บไซต์ NetEase เผยเรื่องราวของ “หลินจิง” คุณแม่ลูกสองรายหนึ่งในเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ซึ่งกำลังเป็นกระแสได้รับความนิยมอย่างมากบนสื่อออนไลน์ เธอเป็นคุณแม่ผู้มีหัวใจสุดแข็งแกร่ง หอบหิ้วลูกน้อย 2 คนไปขายของที่ข้างถนนด้วยกัน และด้วยรูปลักษณ์ที่ดูสวยสะดุดตาของคุณแม่ ทำให้เธอได้รับความสนใจ ก่อนหน้านี้มีคนดังโซเชียลและบล็อกเกอร์หลายคนเคยไปถ่ายภาพเธอหลายครั้ง แต่เธอก็ยังคงใช้ชีวิตเป็นคุณแม่ธรรมดาที่แสนพิเศษสำหรับลูก ๆ

          หลินจิงทำงานหาเงินด้วยตัวเองมาตั้งแต่อายุประมาณ 15 ปี ตอนเธออายุ 18 ปี เธอตกหลุมรักชายคนหนึ่งและให้กำเนิดลูกชายคนโต ซึ่งตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ตอนลูกชายอายุ 4 ขวบ พ่อของเขาขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย และหายตัวไปที่ริมแม่น้ำ จากนั้นก็ขาดการติดต่อไป ไม่กี่ปีต่อมาหลินจิงพบชายอีกคน และได้ให้กำเนิดลูกสาวอีกคน แต่เนื่องจากครอบครัวสามีคนนี้ไม่พอใจเธอและลูกที่ป่วยต้องใช้เงิน เธอจึงตัดสินใจออกมาขายมันเทศแห้งและเต้าหู้ที่ร้านแผงลอยริมถนน เพื่อหาค่ารักษาพยาบาลให้กับลูกชายของเธอด้วยตัวเอง

แม่สาวสุดสตรอง หอบลูก 2 ขายของข้างถนน
ภาพจาก Douyin

          พฤศจิกายน 2566
          บล็อกเกอร์บนแพลตฟอร์ม Douyin ชื่อว่า “ลู่หูเกอ พลังบวก” ซึ่งมีผู้ติดตามราว 27,000 คน ได้โพสต์คลิปวิดีโอถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของหลินจิง ขณะเธอออกไปกำลังตั้งแผงขายของข้างโรงเรียนประถม เธอยุ่งมากแต่ก็ต้องเลี้ยงลูกน้อยไปด้วย ตอนนั้นลูกสาวของเธอยังอยู่ในวัยแบเบาะ เธอจึงต้องคอยหาเวลาพักจากความวุ่นวายเพื่อมาให้นมลูกน้อย กระทั่งลูกชายของเธอเลิกเรียนก็มาช่วยด้วย แต่แม้จะทำงานหามรุ่งหามค่ำ หลังจากหักค่าใช้จ่ายครอบครัวของเธอเหลือรายได้เพียงน้อยนิด

          มีนาคม 2567
          ผู้ใช้บัญชีโซเชียล “จื้อกังในเจิ้งโจว” บล็อกเกอร์ถ่ายภาพแนวสตรีต ซึ่งมีผู้ติดตาม 2.54 ล้าน ได้ไปถ่ายภาพของหลินจิงที่กำลังตั้งแผงขายของข้างถนน พร้อมทั้งสอบถามเรื่องราวของ “สามี” ของเธอ เธอเผยว่าเขาไม่เห็นด้วยที่เธอมาตั้งแผงขายของเช่นนี้ แต่เธออยากหาเงินเพื่อให้ลูกชายที่ป่วยได้เข้ารับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด คำพูดง่าย ๆ ของเธอเต็มไปด้วยความรักที่ลึกซึ้ง และความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวของผู้เป็นแม่ เธอจึงเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น

แม่สาวสุดสตรอง หอบลูก 2 ขายของข้างถนน
ภาพจาก Douyin

          เมษายน 2567
          บล็อกเกอร์อีกคนชื่อว่า ไฉ่ไฉ่ ซึ่งมีผู้ติดตาม 2.13 ล้านคน ได้เดินทางไปเที่ยวเมืองฉงชิ่ง และได้พบกับหลินจิงและลูกชายของเธอที่กำลังตั้งแผงขายของอยู่ริมถนน จึงได้มีโอกาสสนทนากัน หลินจิงเล่าถึงความยากลำบากในชีวิตที่ผ่านมา ในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเศร้า เธอกล่าวว่า เธอกลัวการรับสายจากครูมากที่สุด เพราะในตอนที่เธอกำลังขายของ เธอไม่สามารถไปหาลูกได้

          มิถุนายน 2567
          เฉียน กุยเหมย
บล็อกเกอร์ถ่ายภาพบุคคล ที่มีผู้ติดตาม 660,000 คน
ได้ทราบเรื่องราวของหลินจิง จึงเดินทางมาบันทึกเรื่องราว
ทำให้ทราบว่าขณะนั้นเธอเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ดูแลลูกทั้งสองตามลำพัง
เธอต้องขยันขายของเพราะลูกชายของเธอต้องการค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดมากกว่า
50,000 หยวน (ราว 232,000 บาท) และหลังผ่าตัดอีกกว่า 200,000 หยวน (ราว
930,000 บาท) เมื่อพูดถึงพ่อทางสายเลือดของเด็ก
ดวงตาของหลินจิงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เนื่องจากครอบครัวของเขาคัดค้านการรักษา
มีแค่แม่อย่างเธอที่มุ่งมั่นจะรักษาลูก

แม่สาวสุดสตรอง หอบลูก 2 ขายของข้างถนน
ภาพจาก Douyin

          ทั้งนี้ ยังมีบล็อกเกอร์อีกคน ชื่อว่า “คุณยายผาน” ซึ่งมีฐานแฟนคลับมากถึง 34.33 ล้าน
ได้พบกับหลินจิงและถามถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากและเจ็บปวดที่สุด
เธอบอกว่าเป็นตอนที่ลูกชายของเธอเข้าโรงพยาบาลและหมอขอให้ออกจากโรงพยาบาล
เพราะไม่มีเงิน เสียงของเธอสั่นเครือ
เธอบอกว่าเธอรู้สึกสิ้นหวังมากจนไม่รู้จะร้องไห้อย่างไร
คุณยายผานให้เงินช่วยเหลือลูก ๆ ของเธอ อีกทั้งยังติดต่อมูลนิธิการกุศลให้
เพื่อหาเงินบริจาคช่วยเหลือ

แม่สาวสุดสตรอง หอบลูก 2 ขายของข้างถนน
ภาพจาก Douyin

          มกราคม 2568
          หลินจิง กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจกว้างขวาง ภายหลังจากบัญชี Douyin ชื่อ “จื่อจินผู้รักการวาดภาพ” ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของแม่ลูกสองที่ขายของข้างถนน
พร้อมด้วยภาพวาดของเธอที่เขาวาดขึ้นมา คลิปนี้มียอดไลก์มากกว่า 6.6
ล้านครั้ง พร้อมด้วย 449,000 คอมเมนต์
ชะตากรรมที่เลวร้ายที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มที่สดใสของหลินจิง
สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนมากมาย
ชาวเน็ตเข้าไปให้กำลังใจและแสดงความห่วงใยต่อหลินจิง
แต่ในขณะเดียวกันพลังบวกของเธอก็ได้สร้างความอบอุ่นใจให้กับหลายคนเช่นเดียวกัน

แม่สาวสุดสตรอง หอบลูก 2 ขายของข้างถนน
ภาพจาก Douyin

          ในที่สุด
ความรักอันแข็งแกร่งของแม่ก็ได้ส่องสว่างให้เธอ
ผู้คนร่วมให้การสนับสนุนและบริจาคเงินช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก จนล่าสุด
สื่อท้องถิ่น First Eye News ได้เผยแพร่วิดีโอสัมภาษณ์หลินจิง
เธอได้กล่าวแสดงความขอบคุณต่อชาวเน็ต
รวมไปถึงหน่วยงานของรัฐที่เข้ามาช่วยเหลือ
รวมถึงติดต่อโรงพยาบาลในกรุงปักกิ่ง
ทำให้ความหวังในการรักษาลูกชายของเธอเป็นจริง

          “ไม่ว่าชีวิตจะยากลำบากแค่ไหน
ตราบใดที่คุณมีความหวัง ก็จะมีแสงที่ส่องนำทางคุณไปข้างหน้าเสมอ ในอนาคต
ฉันหวังว่าฉันจะสามารถส่งต่อความรักนี้ และทำให้สังคมนี้อบอุ่นขึ้นเรื่อย
ๆ”
หลินจิง กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก NetEase  

ผลไม้เซเว่น ซื้อมาแล้วเพิ่งรู้ว่าซองเป็นรู งง เจาะทำไม พนักงานต้องมาตอบ

          ซื้อมะม่วงร้านสะดวกซื้อดัง กินเสร็จเพิ่งรู้ว่าซองเป็นรู งงเจาะทำไม จนพนักงานต้องเข้ามาตอบ ไขปริศนา งานนี้ด่าพนักงานไม่ได้



ซองมะม่วงเจาะรู

          วันที่ 23 มกราคม 2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ไปซื้อมะม่วงบรรจุแพ็กเกจจากเซเว่น อีเลฟเว่น แต่เมื่อกินเสร็จกลับพบว่า ที่ซองมีการเจาะรูไว้ 3 รู จึงเกิดข้อสงสัยว่า เจาะทำไม

ซองมะม่วงเจาะรูทำไม

ซองมะม่วงในเซเว่นฯ เจาะรู

          อย่างไรก็ตาม พนักงานเซเว่น อีเลฟเว่น เข้ามาตอบในทันทีว่า การเจาะซองนั้นเจาะตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตแล้ว พนักงานไม่ได้เป็นคนเจาะเพื่อนำมาเวฟหรือทำอย่างอื่น อีกทั้งผลไม้สดทุกกล่อง จะมีรูแบบนี้เพื่อเอาไว้ระบายอากาศ ไม่ให้ข้างในมีไอน้ำในกล่อง ไม่ทำให้เน่าเสียง่าย ใครมันจะไปเวฟมะม่วง

          นอกจากนี้ ยังมีคอมเมนต์ยืนยันอีก 1
คอมเมนต์ว่า ผลไม้ ถ้ามีความชื้นเก็บในระบบปิด เกิดแก๊ส ความชื้น
จะทำให้เสียเร็ว ขึ้นรา ต้องเจาะรูระบายอากาศ เพื่อลดความชื้น
พวกไม่รู้แล้วคอมเมนต์ด่าพนักงานนี่ ต้องหาความรู้เยอะ ๆ นะครับ

ทำไมซองมะม่วงเจาะรู

ไวรัล TikTok เมื่อชาวเยอรมันรถยางแตกเข้ามาในบ้าน สิ่งที่ทำต่อไปนี้้รู้เลยคนไทยจริง ๆ

         เมื่อชาวต่างชาติรถยางแตกเข้ามาในบ้าน สิ่งที่ทำ ทำให้รู้เลยว่านี่คือคนไทย กระทั่งไปเจอรถของอีกฝ่าย ขโมยซีนหมด ราคาเท่าไรกันนี่




ชาวต่างชาติรถยางแตกเข้ามาในบ้าน สิ่งที่ทำต่อไปนี้รู้เลยคนไทย
ภาพจาก TikTok @diawei203

          วันที่ 22 มกราคม 2568 TikTok @diawei203 มีการลงคลิปชาวต่างชาติกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ท่ามกลางคนรอบข้างที่เป็นคนไทย มองด้วยความยิ้มแย้ม เอ็นดู จนสงสัยว่า เรื่องราวนี้เป็นไวรัลได้อย่างไร

          
          สำหรับคำเฉลยของเรื่องนี้ ก็อยู่ในแคปชั่นคลิป ระบุว่า “เมื่อหนุ่มเยอรมันรถยางแตกเข้ามา” ก็สอดรับกับเหตุในคลิป ที่คนในพื้นที่ดูแลกันเป็นอย่างดี ไม่ยอมปล่อยให้หนุ่มต่างชาติคนนี้อดอยาก เท่านั้นไม่พอ ยังมีการช่วยกันกางเต็นท์บนลานกว้าง ให้หนุ่มคนนี้นอนสบาย ๆ อีกด้วย
ชาวต่างชาติรถยางแตกเข้ามาในบ้าน สิ่งที่ทำต่อไปนี้รู้เลยคนไทย
ภาพจาก TikTok @diawei203

ชาวต่างชาติรถยางแตกเข้ามาในบ้าน สิ่งที่ทำต่อไปนี้รู้เลยคนไทย
ภาพจาก TikTok @diawei203

ชาวต่างชาติรถยางแตกเข้ามาในบ้าน สิ่งที่ทำต่อไปนี้รู้เลยคนไทย
ภาพจาก TikTok @diawei203

ชาวต่างชาติรถยางแตกเข้ามาในบ้าน สิ่งที่ทำต่อไปนี้รู้เลยคนไทย
ภาพจาก TikTok @diawei203

          กระทั่งช่วงท้ายคลิป มีคำเฉลยว่า
รถของหนุ่มต่างชาติที่ยางแตกหลงเข้ามาในพื้นที่ คือ รถจักรยาน BMW
ราคาก็ไม่ใช่น้อย ๆ ประมาณหลัก 100,000 – 300,000 บาท

ชาวต่างชาติรถยางแตกเข้ามาในบ้าน สิ่งที่ทำต่อไปนี้รู้เลยคนไทย
ภาพจาก TikTok @diawei203
         
         
ด้านชาวเน็ต บอกกันชัด ๆ เรื่องกินเรื่องใหญ่
คนไทยสามารถเรียกทุกคนกินข้าวที่บ้านได้ นี่คือซอฟต์ พาวเวอร์ของคนไทย
จนมีคนไลก์ข้อความเกือบ 2 พันครั้ง
ชาวต่างชาติรถยางแตกเข้ามาในบ้าน สิ่งที่ทำต่อไปนี้รู้เลยคนไทย

อินเดียขับรถชน ไรเดอร์ตาย เปิดนาทีก่อนเกิดเหตุ ใจร้ายมาก ซิ่งจากเลนขวาปาดชน

          เปิดปมชายเชื้อสายอินเดีย ขับรถพุ่งชนไรเดอร์ดับ ล่าสุดร้องไห้รับสภาพ ยิ่งดูวงจรปิดช่วงเกิดเหตุ คนมองใจร้ายมาก เดือดมาจากไหน



เปิดนาที อินเดียขับรถชน ไรเดอร์ตาย
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์

          จากกรณีที่คนไทยเชื้อสายอินเดีย ขับรถไล่ชนไรเดอร์จนเสียชีวิตบริเวณสุขุมวิทซอย 10 หลังจากมีปัญหากันบนท้องถนน ทำให้สังคมวิจารณ์เป็นวงกว้างว่า ทำเกินกว่าเหตุไปไหม รวมถึงคนก่อเหตุยังไม่ขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น

          อ่านข่าว : ชาวอินเดีย ขับเก๋งไล่ชนไรเดอร์จนเสียชีวิตกลางเมือง ลูกสาวทวีตขอความช่วยเหลือด่วน

          ล่าสุด วันที่ 22 มกราคม 2568 เที่ยงวันทันเหตุการณ์ รายงานเพิ่มเติมว่า พยานแวดล้อมเล่าว่า นายเสรี คนก่อเหตุ ขับรถมาจากแยกอโศก มุ่งหน้าไปยังแยกเพลินจิต แล้วไปเฉี่ยวชนกับรถของนายฤทธิ์ศักดิ์ ไรเดอร์ แต่ไม่ยอมลงมาเจรจาค่าเสียหาย ขับรถหนีไป ดังนั้น ไรเดอร์จึงต้องขี่รถตามเพื่อไปปาดหน้า แล้วก็มีปากเสียงกันจนมีการปะทะ มีผลัก มีถีบ มีตีกระจกจนพัง ก่อนเป็นการไล่ล่าจนเสียชีวิต

เปิดนาที อินเดียขับรถชน ไรเดอร์ตาย
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์

เปิดนาที อินเดียขับรถชน ไรเดอร์ตาย
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์

          นายเสรี เป็นลูกชายเจ้าของร้านขายผ้าย่านสุขุมวิท 71/1
เบื้องต้นถูกแจ้ง 2 ข้อหาคือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
และขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น
และเมื่อนายเสรีพบนักข่าวในช่วงเช้าที่ผ่านมา ก็ร้องไห้ ไม่พูดอะไรออกมา

         
ขณะเดียวกัน เมื่อดูภาพวงจรปิดก่อนที่จะถึงจุดเกิดเหตุ พบว่า
ไรเดอร์ขี่รถหนีเก๋งในเลนขวาสุด กระทั่งไรเดอร์เริ่มเบี่ยงซ้ายเข้าเลนกลาง
เก๋งก็พุ่งชนทันที จนร่างไรเดอร์กระเด็นชนกับเสาเสียชีวิต

เปิดนาที อินเดียขับรถชน ไรเดอร์ตาย
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์

เปิดนาที อินเดียขับรถชน ไรเดอร์ตาย
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์

เปิดนาที อินเดียขับรถชน ไรเดอร์ตาย
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์

เปิดนาที อินเดียขับรถชน ไรเดอร์ตาย
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์

ขอบคุณข้อมูลจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์

ตรุษจีนสยองขวัญ เศรษฐีแจกอั่งเปาหน้าบ้าน คนแห่แย่งเหยียบกัน ตาย 4 เจ็บหนัก 5

          สยองขวัญรับตรุษจีน เศรษฐีแจกอั่งเปาซองแดงหน้าบ้าน คนแห่ไปหลายร้อย จนเป็นเหตุให้เหยียบกันเสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 5 ราย



เศรษฐีแจกอั่งเปา คนแย่งเหยียบกันตาย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก វិទ្យុជាតិ FM 96MHz

          วันที่ 23 มกราคม 2568 เฟซบุ๊ก The Phnom Penh Post รายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เกิดเหตุสะเทือนขวัญที่บริเวณหน้าบ้านของเศรษฐีรายหนึ่ง ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อฝูงชนที่ไปรอรับ “อั่งเปา” แห่กันมายืนรอกว่าหลายร้อยชีวิต จนนำไปสู่โศกนาฏกรรรมเหยียบกันตาย

          รายงานของสื่อท้องถิ่นเผยว่า ภายหลังจากบ้านของเศรษฐีหลังดังกล่าว ได้มีการประกาศว่าแจกเงินอั่งเปา เพื่อเป็นของขวัญสำหรับเทศกาลตรุษจีน ก็มีผู้คนจำนวนมากที่ทราบข่าวพากันไปปักหลักรอรับซองเงินบริเวณหน้าบ้าน จนล้นออกมายังพื้นที่ถนน มีภาพถ่ายเผยแพร่ไปบนโซเชียลมีเดีย

เศรษฐีแจกอั่งเปา คนแย่งเหยียบกันตาย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก វិទ្យុជាតិ FM 96MHz 

          อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปและมีจำนวนคนมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้เกิดเหตุชุลมุนขึ้น กระทั่งมีการเหยียบกันจนได้รับบาดเจ็บและถึงขั้นเสียชีวิต โดยรายงานก่อนนี้ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และผู้บาดเจ็บ 6 ราย ถูกพาตัวส่งโรงพยาบาล

          ต่อมา นายแซม วิชิกา
โฆษกผู้บัญชาการตํารวจภูธรพนมเปญ ได้แถลงยืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พร้อมทั้งเผยความคืบหน้าว่า จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 4 ราย
ได้แก่ หญิง 2 ราย และชาย 2 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 5 ราย
ยังคงอยู่ระหว่างการรักษาในภาวะฉุกเฉิน
โดยสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากคนเหล่านี้มีสุขภาพไม่ดีและถูกฝูงชนบีบอัดกันหน้าบ้านที่เกิดเหตุ

ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ติดตามตัวผู้รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตมาดำเนินคดีต่ออย่างใด

เศรษฐีแจกอั่งเปา คนแย่งเหยียบกันตาย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก វិទ្យុជាតិ FM 96MHz

          ขณะที่ญาติของหนึ่งในผู้เสียชีวิต เผยด้วยความโศกเศร้าว่า สาเหตุที่พวกเขามารอรับของขวัญจากคนรวยแบบนี้ เป็นเพราะพวกเขามีฐานะยากจน 

เศรษฐีแจกอั่งเปา คนแย่งเหยียบกันตาย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก វិទ្យុជាតិ FM 96MHz 

เศรษฐีแจกอั่งเปา คนแย่งเหยียบกันตาย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก វិទ្យុជាតិ FM 96MHz 

ขอบคุณข้อมูลจาก The Phnom Penh Post, វិទ្យុជាតិ FM 96MHz 

กอร์ดอน แรมซีย์ เชฟดัง มาไทย ชิมเมนูเด็ดร้านดัง บอกได้เรียนรู้แล้วจากความผิดพลาด

           กอร์ดอน แรมซีย์ เชฟดัง มาไทย ไม่พลาดชิมร้านดัง อวดภาพกินผัดไทย บอกได้เรียนรู้จากความผิดพลาดก่อนหน้า หลังเคยมีไวรัล ทำผัดไทย ที่ไม่ใช่ผัดไทย



กอร์ดอน แรมซีย์
ภาพจาก Gordon Ramsay

           เรียกว่าเป็นหนึ่งในเซเลบริตี้เชฟคนดังระดับโลก สำหรับ กอร์ดอน แรมซีย์ เชฟขาโหดชาวอังกฤษ ผู้เป็นเจ้าของรายการดังมากมาย ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อหลายปีก่อนก็ได้มีกระแสข่าวฮือฮา เมื่อเชฟกอร์ดอนโชว์ฝีมือการทำอาหารไทย เมนูผัดไทย ให้เชฟช้าง เชฟใหญ่ชาวไทย ในร้านอาหารที่กรุงลอนดอน ได้ชิมพร้อมขอความเห็น แต่ถูกตอกกลับหน้าหงาย บอก “นี่ไม่ใช่ผัดไทย”

อ่านข่าว : กอร์ดอน แรมซีย์ เชฟดัง ปะทะ เชฟไทย เจอตอกหน้าหงาย นี่มันไม่ใช่ผัดไทย !!

           ล่าสุด (22 มกราคม 2568) เมื่อเชฟกอร์ดอนได้มีโอกาสเดินทางมาประเทศไทย ก็ไม่พลาดไปเยือนร้านดังอย่าง “ทิพย์สมัย ผัดไทยประตูผี” พร้อมลิ้มรสชาติเมนูผัดไทย แบบแท้ ๆ จากประเทศไทย โดยยังแชะภาพคู่กับผัดไทยมาโพสต์บนโซเชียลด้วย

           “เมื่ออยู่ในประเทศไทย คุณได้เรียนรู้จากความผิดพลาดก่อนหน้านี้ นี่เป็นผัดไทยที่ยอดเยี่ยมจาก ทิพย์สมัย ผัดไทยประตูผี ตื่นเต้นที่จะได้อยู่ในกรุงเทพฯ” เชฟกอร์ดอน ระบุ

กอร์ดอน แรมซีย์ มาไทย

           ทั้งนี้
ก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่าหลังจากทริปนี้
เชฟกอร์ดอนจะได้เรียนรู้อาหารไทยเมนูใดอีกบ้าง
และจะขอแก้มือโชว์ทำอาหารไทยอีกรอบหรือไม่

           ขณะที่ชาวไทยจำนวนมากต่างเข้าไปคอมเมนต์
แนะนำให้ลองไปชิมรสผัดไทยจากสตรี9ฟู้ดเจ้าอื่นเปรียบเทียบรสชาติด้วย
เพราะอาจจะได้ความจัดจ้านที่แตกต่าง หลากหลาย ในสไตล์ที่คนท้องถิ่นกินกัน
รวมถึงแนะนำให้ชิมอาหารจานเด็ดจากร้านอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน โดยเสนอเมนู เช่น
ผัดหมี่โคราช ต้มแซ่บ น้ำตกหมู และเมนูลาบ

กอร์ดอน แรมซีย์
ภาพจาก Gordon Ramsay

ภาพเอกซเรย์สยอง สีขาว ๆ ที่เห็นคือความสะพรึง มีมาถึงต้นขา เตือนสิ่งที่อย่าหาทำ


            หมอเผยภาพเอกซเรย์ชวนสยดสยอง สีขาว ๆ ที่เห็นคือความสะพรึง มีมาถึงต้นขา เกิดจากอะไร เตือนสิ่งที่ไม่ควรทำ



ภาพเอกซเรย์ ไข่พยาธิตัวตืดกลายเป็นหินปูน ในร่างกายคน
ภาพจาก X@EM_RESUS
            วันที่ 21 มกราคม 2568 เว็บไซต์อ็อดดิตี้เซ็นทรัล เผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีแพทย์ห้องฉุกเฉินรายหนึ่ง ได้เผยภาพเอกซเรย์ที่น่าตกตะลึง โดยเขาระบุว่าเป็น “ภาพเอกซเรย์ที่บ้าที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา” เมื่อแสดงให้เห็นว่าภายในร่างกายส่วนล่างของผู้ป่วยเต็มไปด้วยจุดสีขาวเล็ก ๆ มากมายเกินกว่าร้อยจุด กระจายอยู่ทั่วบริเวณตัวมาจนถึงที่ต้นขา โดยจุดสีขาวที่เห็นในภาพเอกซเรย์นี้ก็คือ ไข่ของพยาธิตัวตืดที่กลายเป็นหินปูน

            ดร.แซม กาลี แพทย์ประจำแผนก ER ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะฉุกเฉินทางหัวใจและหลอดเลือดและรังสีวิทยาฉุกเฉิน ในสหรัฐอเมริกา ได้แชร์ภาพเอกซเรย์บริเวณอุ้งเชิงกรานของผู้ป่วยรายหนึ่ง ซึ่งได้เข้ามาขอรับการรักษา ภาพหลังจากประสบอุบัติเหตุล้มและมีอาการปวดสะโพก โดยที่เขาไม่เคยล่วงรู้มาก่อนเลยว่า มีไข่พยาธิตัวตืดที่กลายเป็นหินปูน ซ่อนอยู่ในตัวของเขาเป็นจำนวนมากมายเช่นนี้ และเขาก็ไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับพยาธิตัวตืดมาก่อนด้วยเช่นกัน 

ภาพเอกซเรย์ ไข่พยาธิตัวตืดกลายเป็นหินปูน ในร่างกายคน
ภาพจาก X@EM_RESUS
            พยาธิตัวตืดเป็นปรสิตที่มักจะเกาะติดอยู่ภายในลำไส้เพื่อดูดซับสารอาหาร แต่ไข่พยาธิตัวตืดยังสามารถเดินทางไปได้ทุกที่ภายในร่างกาย ตั้งแต่เท้าไปจนถึงสมอง เมื่อเวลาผ่านไป ไข่พยาธิตัวตืดเหล่านี้จะกลายเป็นหินปูน และไม่สามารถดำรงชีวิตได้อีกต่อไป หากไข่พยาธิตัวตืดเข้าไปเกาะในเนื้อเยื่ออ่อน เช่น กล้ามเนื้อหรือไขมัน ก็อาจจะไม่เป็นภัยคุกคามถึงชีวิต แต่หากขึ้นไปที่สมอง ก็สามารถทำให้เกิดภาวะที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

            ดร.แซม อธิบายสถานการณ์ในภาพเอกซเรย์ดังกล่าว ระบุว่า “สิ่งนี้เรียกว่า โรคถุงพยาธิตืดหมู (Cysticercosis) เป็นโรคที่เกิดจากตัวอ่อนของพยาธิตืดหมูไปฝังตัวตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายคน และสามารถแพร่กระจายไปทั่วร่างกายได้ โดยส่วนใหญ่ไปอยู่ที่กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออ่อนบริเวณสะโพกและขา”

            ทั้งนี้ ดร.แซม ยังได้เผยคำเตือนเกี่ยวจากเคสดังกล่าวนี้ว่า “พยายามรักษาความสะอาด ล้างมือให้สะอาด และอย่ารับประทานเนื้อหมูดิบหรือปรุงไม่สุกโดยเด็ดขาด ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น”

ขอบคุณข้อมูลจาก Oddity Central

สาวสวยเดินขึ้นรถ คนเตะตาหุ่นดี แต่พอจังหวะก้มตัวเท่านั้น ทำคนตาค้างตกใจแรง

          สาวสวยเดินขึ้นรถ คนเตะตาหุ่นดี แต่พอจังหวะก้มตัวเท่านั้น ทำคนตาค้างตกใจแรง คนถกเดือด เหมือนตั้งใจหรือไม่ ?



สาวสวยเดินขึ้นรถ
ภาพจาก X

          วันที่ 22 มกราคม 2568 เว็บไซต์เน็กซ์แอปเปิล เผยว่า เมื่อไม่นานมานี้มีคลิปวิดีโอของหญิงสาวรายหนึ่งในประเทศจีน ได้รับความใจกลายเป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดีย โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่บริเวณลานจอดรถกลางแจ้งแห่งหนึ่ง หญิงสาวสวยรายนี้แต่งตัวดีและมีท่าทางทะมัดทะแมง สวมเสื้อโค้ทสั้นและถุงน่องยาว เผยให้เรียวขายาวชวนเตะตา

          รายงานระบุว่า เวลาเช้าตรู่ของวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา มีผู้ขับรถผ่านบริเวณดังกล่าวรายหนึ่งได้บันทึกคลิปวิดีโอในช่วงเวลานั้นพอดี โดยแสดงให้เห็นว่า หลังจากที่หญิงสาวรายนี้เดินไปเปิดประตูรถยนต์ของเธอ เธอได้ก้มตัวลงคล้ายกับพยายามจะเปลี่ยนรองเท้าที่อยู่ตรงเบาะหน้าฝั่งคนขับ แต่จังหวะนั้นเอง ภาพที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏขึ้นเต็มตา

สาวเซ็กซี่เดินขึ้นรถ
ภาพจาก X

          หญิงสาวสวยรายนี้ไม่ได้สวมใส่กางเกงชั้นใน ท่อนล่างของเธอไม่ได้สวมใส่อะไรนอกเหนือไปจากถุงน่องสีดำเพียงคู่เดียว ดังนั้นตอนที่เธอโน้มตัวไปนั้น ทำให้เห็นบั้นท้ายรวมไปถึงส่วนลับด้านหน้าก็โผล่ออกมาด้วยเช่นเดียวกัน สร้างความตกตะลึงให้กับคนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์เป็นอย่างยิ่ง

สาวสวยเดินขึ้นรถทำคนตาค้าง
ภาพจาก X

         
หลังจากคลิปวิดีโอเหตุการณ์ถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์ก็กลายเป็นประเด็นที่วิพากษ์วิจารรณ์ในวงกว้าง
หลายคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นต่างมุมมอง
บางรายก็รู้สึกประหลาดใจในการแต่งตัวของเธอ บางคอมเมนต์ตั้งข้อสังเกตว่า
สาวฮอตรายนี้อาจเตรียมตัวจะไปถ่ายงานอีโรติกหรือไม่
ในขณะที่บางส่วนก็สงสัยว่าเป็นความผิดพลาดหรือตั้งใจโชว์ในที่สาธารณะ

          “เธอสวยแต่งตัวเหมือนจะดูดี แต่อยู่ดี ๆ เธอโชว์… ทำไม ?”
          “การแต่งตัวของเธอออกจะเกินไป”
          “หรือเธอกำลังจะไปถ่ายงานอีโรติก”
          “อากาศช่วงนี้คงจะอึดอัดน่าดู เธอเลยแต่งตัวแบบสบาย ๆ ขนาดนี้”

สาวเซ็กซี่เดินขึ้นรถทำคนตาค้าง
ภาพจาก X

ขอบคุณข้อมูลจาก Next Apple