โหนกระแสแสตมป์ สารภาพ อ้างแจมเป็นสไตลิลต์ เพื่อหลอกนิวให้ตายใจ


          แสตมป์ อภิวัชร์ โฟนอินเข้าโหนกระแส สารภาพ รับแจมเป็นสไตลิสต์ เพื่อหลอกให้นิวตายใจ ต่อหน้าแฟนแจมที่มาออกรายการ ส่วนแจม ยืนยัน ไม่ได้คบ เขามาจีบเอง



แสตมป์ สารภาพ รับแจมเป็นสไตลิสต์ หลอกให้นิวตายใจ แจมตอบ หนังคนละม้วน
ภาพจาก โหนกระแส
          วันที่ 20 มกราคม 2568 รายการโหนกระแส มีการเชิญแก๊ป แฟนหนุ่มของแจม คู่กรณี แสตมป์ อภิวัชร์ มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าว หลังมีการชงมาในหัวข้อว่า แจมไม่ได้คบกับแสตมป์แต่อย่างใด

          ส่วนเรื่องการฟ้องร้อง แก๊ป เล่าว่า ฝั่งภรรยาแสตมป์เข้าใจว่า แจมเป็นชู้ แต่ในมุมตนที่เห็นคือ แสตมป์เป็นคนทักแฟนตนก่อน ช่วงหนึ่งถึงขั้นชวนไปทำงานก็มี ตนเริ่มระแวงบ้าง แต่แจมก็ยืนยันว่าไม่มีอะไรเกินเลย อย่างไรก็ตาม เรื่องการเป็นแฟน ทางนั้นพูดมาเพียงฝั่งเดียว แต่ฝั่งตนกับแจมไม่เคยพูดคำนี้เลย

แสตมป์ สารภาพ รับแจมเป็นสไตลิสต์ หลอกให้นิวตายใจ แจมตอบ หนังคนละม้วน
ภาพจาก โหนกระแส

          ด้านหนุ่ม กรรชัย ถามกลับว่า แล้วแบบนี้จะมีการฟ้องชู้ได้ยังไง เรื่องนี้ แก๊ปตอบว่า ตนเชื่อได้ยังไง สมมติแฟนพี่บอกเราไม่เคยอะไรกับใคร แล้วอีกคนมาบอกมีอะไรกัน พี่จะเชื่อใคร ตนมีความเข้าใจอย่างที่ผมเจอ ไปทำสไตลิสต์ ตนไปรับไปส่ง การเข้าไปห้องสองคน คอนเฟิร์มจากปากเขาไม่มีอะไรล้านเปอร์เซ็นต์

          ในส่วนคดีที่ตนโดนฟ้อง เป็นเรื่องที่ตนโมโหเรื่องที่แจมถูกนิวกล่าวหาเรื่องการแย่งแฟน จึงโพสต์ด่าเรื่องอาการทางจิตไปแบบนั้น และครั้งหนึ่ง แสตมป์ก็เคยปรึกษาแจมเรื่องภรรยาด้วย ทำให้ตอนนั้นตนรู้สึกสงสารเขาเหมือนกันที่เจอปัญหาแบบนี้

แสตมป์ สารภาพ รับแจมเป็นสไตลิสต์ หลอกให้นิวตายใจ แจมตอบ หนังคนละม้วน
ภาพจาก โหนกระแส

          ขณะที่หนุ่ม กรรชัย ก็ปรามคนที่มาต่อว่าแก๊ปว่า ทำไมเชื่อแจมตลอด ไม่เคยสงสัยอะไรว่า มันเป็นสิทธิ์ที่เขาจะเชื่อแบบนั้น เขาไม่ได้ผิดอะไร แค่ไม่ได้คิดเหมือนเรา

          หนุ่ม กรรชัย ถามแก๊ปว่า แสตมป์ได้ประโยชน์อะไรจากการพูดเรื่องคบกับแจม จนโดนคนด่าทั้งประเทศ ทั้งที่แค่ไม่พูดยอมรับก็ไม่โดนด่าแล้ว แก๊ป ตอบว่า อาจจะเป็นเรื่องคดีความก็ได้
แสตมป์ สารภาพ รับแจมเป็นสไตลิสต์ หลอกให้นิวตายใจ แจมตอบ หนังคนละม้วน
ภาพจาก โหนกระแส

พี่หนุ่ม ขอให้แก๊ป โทรศัพท์หาแจมเพื่อถามว่า คบกับแสตมป์ไหม

          แจมรับสาย พร้อมตอบคำถามหนุ่ม กรรชัยว่า ไม่เคยคบหาชู้สาวกับแสตมป์ เรื่องนี้มันจบไปนานแล้ว ในชั้นศาลก็จบไปนานแล้ว และศาลก็ห้ามพูดต่อหรือให้ข้อมูลใด ๆ ส่วนเรื่องการคุกคาม เรื่องที่นั่งไฟลต์บินติดกัน ไม่เป็นความจริง แต่ในส่วนของคุณพ่อ อาจจะต้องให้คุณพ่อชี้แจง

          เรื่องที่แสตมป์ตอบปมคบหากับตน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เป็นเพราะอะไร ต้องไปถามเขาดู แต่พวกตนอยากเลิก อยากจบเรื่องนี้แล้ว แต่ที่ยอมจ่าย เพื่อให้เรื่องมันจบ อยากแยกย้าย อยากให้จบ ความสัมพันธ์กับแสตมป์คือ แฟนคลับกับสไตลิสต์

แสตมป์ สารภาพ รับแจมเป็นสไตลิสต์ หลอกให้นิวตายใจ แจมตอบ หนังคนละม้วน
ภาพจาก โหนกระแส

พี่หนุ่ม โทรศัพท์หาแสตมป์

          หนุ่ม กรรชัย โทรศัพท์หาแสตมป์ ซึ่งแสตมป์ก็ยอมรับว่า “แจมไปโกหกแก๊ปว่าผมไปตามจีบ แต่ผมคบกับแจมจริง ๆ และทำให้คนเข้าใจภรรยาผิดว่าเป็นบ้า”

          ผมต้องการพิสูจน์สิ่งนี้ เคลียร์ปัญหาให้ภรรยา ไม่อยากให้คนเข้าใจผิด ถึงต้องพูด แล้วทำไมผมต้องโกหก ส่วนเรื่องที่แก๊ปเล่ามา มันตรงข้ามกับสิ่งที่ผมเจอ เป็นหนังคนละม้วน

          ส่วนวันที่ไกล่เกลี่ยคดีกัน แก๊ปไม่อยู่ แต่เขาพยายามไกล่เกลี่ย ไม่มีอะไรมาสู้ ส่วนเรื่องแจมเป็นสไตลิสต์ ความจริงแค่บังหน้าเพื่อให้ภรรยาตายใจเท่านั้น

          “ขอยอมรับความผิดนี้ต่อหน้านิวตรงนี้เลยว่า ผมนอกใจไปคบหากับแจม เขาไม่ใช่สไตลิสต์ เอาจริง ๆ เป็นชู้สาว มเอาไปด้วย อุปโลกน์ขึ้นมา ขอโทษนะนิว” แสตมป์ กล่าว

          หนุ่ม กรรชัย ยอมรับว่า “กูปวดหัวมากเลย”

          ในคดีที่ถูกขู่ด้วย มาตรา 112 ที่ยอมถอนเพราะไม่อยากติดคุก ส่วนช่วงที่เริ่มคบแจมคือปี 2020 (พ.ศ. 2563)
แสตมป์ สารภาพ รับแจมเป็นสไตลิสต์ หลอกให้นิวตายใจ แจมตอบ หนังคนละม้วน
ภาพจาก โหนกระแส
แสตมป์ สารภาพ รับแจมเป็นสไตลิสต์ หลอกให้นิวตายใจ แจมตอบ หนังคนละม้วน
ภาพจาก Instagram stampapiwat

จ้าวลู่ซือ ภาพล่าสุด ยิ้มสดใส – มาเดินเล่นได้แล้ว หลังป่วยหนัก ต้องค่อย ๆ หัดเดิน

ทนายพัฒน์ เผยเคสพีค เมียแอบคบทอม สุดท้ายโดนทอมแย่งผัวไป

          ทนายพัฒน์ เผยเคสวุ่น เมียนอกใจไปหาทอมแต่ผัวจับได้ พีคใช้ชีวิตรักกัน 3 คน ก่อนฝ่ายชายเลือกทอมจนเมียหลวงช้ำ



หัวจะปวด เมียแอบไปคบทอมถูกจับได้ แต่ตอนจบโดนแย่งผัวไป
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา

          วันที่ 20 มกราคม 2568 ทนายพัฒน์ ทนายเมียหลวง โพสต์เคสที่ได้รับปรึกษาปัญหาครอบครัวสุดซับซ้อน จุดเริ่มต้นเกิดจากที่เมียนั้นนอกใจผัวไปคบกับทอม แต่ผัวนั้นจับได้ จนอยู่ในสถานะ 3 คนผัวเมีย แต่สุดท้ายผัวนั้นปันใจและหนีไปกับทอมที่เข้ามาเป็นเมียคนใหม่ของฝ่ายชาย จนเกิดคำถามว่าสามารถเอาผิดมือที่สามได้หรือไม่

          
          ทนายพัฒน์ โพสต์ระบุว่า เมียไปเอาทอม ทอมเอาเมีย ผัวได้ทอม ผัวได้เมีย เราได้กัน ไม่พอใจ จึงตีกัน 3 คน โอ้ย….
          

          เรื่องปรึกษาในวันนี้ที่ยังคาใจอยู่ คือ
ผู้ปรึกษากับสามีอยู่กินกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส
ต่อมาตัวภรรยาได้ไปมีความสัมพันธ์กับหญิงด้วยกันซึ่งเป็นทอม
หลังจากนั้นสามีได้จับได้และเข้ามายุ่งเกี่ยวและมีความสัมพันธ์กับทอมด้วย
และช่วงหลัง ๆ ทอมกับสามีน่าจะติดใจกัน จนทำให้หึงหวง
และมีการหยุมกันเกิดขึ้น 3 คน (สามีเลือกทอม)

         
ภรรยาจึงมาสอบถามว่าจะฟ้องได้หรือไม่
ซึ่งคำตอบก็คงฟ้องไม่ได้เพราะไม่ได้จดทะเบียนสมรส ประเด็นต่อไปถามว่า
ตอนนี้ทอมเป็นผู้หญิงหรือเป็นทอม และตัวภรรยาเธอน่าสงสารหรือไม่ อย่างไร

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ทนายพัฒน์ ปรึกษาฟรี.0878133012

เพื่อนเผย แสตมป์ อ้างถูกเมียทำร้ายจิตใจ อยากหย่า ฝากบอกคู่กรณี รักแต่ติดต่อไม่ได้

         เพื่อนเผย แสตมป์ อภิวัชร์ อ้างเคยถูก นิว ทำร้ายจิตใจเหมือนอยู่ในนรก หนีไม่ได้ อัดอัด ฝากบอกคู่กรณี ยังรักแต่ติดต่อไม่ได้ ชี้ แสตมป์ บอกอยากหย่า แต่ไม่รู้โกหกไหม



เพื่อนเผย แสตมป์ อ้างถูกเมียทำร้ายจิตใจ อยากหย่า ฝากบอกคู่กรณี รักแต่ติดต่อไม่ได้
ภาพจาก Instagram stampapiwat

          จากดราม่า แสตมป์ อภิวัชร์ ซึ่งทางเพจ โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้ ที่อ้างตัวเป็นเพื่อนแสตมป์ ออกมาเปิดข้อมูลจากปากคนที่รู้ปัญหาเกือบทั้งหมด รวมถึงเป็นหนึ่งในพยานคดีชู้สาวให้ นิว ภรรยาของแสตมป์ด้วย โดยบอกถึงเหตุผลที่ไม่มีใครอยากยุ่งเรื่องนี้ แม้รู้กันเกือบทั้งวงการ รวมถึงเล่าเรื่องที่แสตมป์เคยโกหก จนตนเองพลาดเกลียดนิวไปด้วยนั้น

อ่านข่าว : เพื่อนแสตมป์ พยานคดีชู้ ไม่โอเคเพื่อนเล่าไม่หมด เคยโกหกจนพาลเกลียดนิวไปด้วย

เพื่อนเผย แสตมป์ อ้างถูกเมียทำร้ายจิตใจ อยากหย่า ฝากบอกคู่กรณี รักแต่ติดต่อไม่ได้
ภาพจาก Instagram stampapiwat

          ต่อมา (19 มกราคม 2568) เพจ โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้ ออกมาเปิดเรื่องราวของ แสตมป์ อภิวัชร์ เพิ่มเติม เล่าย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในเดือนมิถุนายน 2566 เมื่อเพื่อนส่งจ้องความมาปรึกษา อ้างว่าถูกภรรยาทำร้ายจิตใจเหมือนอยู่ในนรกที่เกาหลีใต้ พร้อมเล่าว่าถูก นิว ทำอะไรบ้าง ซึ่งก็ไม่ทราบว่าแสตมป์โกหกหรือไม่

          โดยระบุว่า

          “คืนหนึ่งในเดือนมิถุนายนปี 2566

          เพื่อนผมที่ชื่อ แสตมป์ โดนภรรยาทำร้ายจิตใจแตกละเอียดเหมือนตกอยู่ในนรกที่ประเทศเกาหลีใต้

          ข้อความทั้งหมด ผมไม่ยืนยันอีกต่อไปแล้วว่าแสตมป์โกหกผมหรือเปล่า แต่เป็นการอธิบายว่าเขาโดนนิวทำอะไร และถ้าเป็นเรื่องโกหกอีก ผมขอโทษนิวด้วย ที่สามีคุณ แชตบอกผมแบบนี้ ณ เวลานั้น ผมก็ต้องช่วยเพื่อนผมครับ

          โพสต์นี้คือแสตมป์พยายามติดต่อหาผมเพื่อให้ผมบอก X  ว่า เขายังรัก X นะ แต่เขาติดต่อไม่ได้

          ปล.

          1. จากโพสต์แรกผมเข้าใจทุกคนที่ด่าผมว่าเป็นเพื่อนประสาอะไรออกมาแฉ แทงหลังเพื่อน ผมอยากบอกว่า แสตมป์พร้อมรับทุกอย่างอยู่แล้วครับ ตามที่เขาพูดบอกทุกคนบนเวทีงานนั้น

          และเมื่อผมรู้ว่าเพื่อนผมถูกทำร้าย ผมจะไม่ช่วยเพื่อน เข้าข้างเพื่อนหรอครับ
ผมได้รับข้อมูลจากแสตมป์ตลอดว่า เขาไม่โอเคกับการแต่งงานแล้ว อยากหย่ากับนิวและออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ครับ ผมก็ต้องช่วยเพื่อน

          แต่ถ้าแสตมป์โกหกผมอีกเรื่อง อยากหย่า ก็ให้เขาอธิบายครับ ผมเล่าตามหลักฐานแชต

เพื่อนเผย แสตมป์ อ้างถูกเมียทำร้ายจิตใจ อยากหย่า ฝากบอกคู่กรณี รักแต่ติดต่อไม่ได้
ภาพจาก Instagram stampapiwat
 

เพื่อนเผย แสตมป์ อ้างถูกเมียทำร้ายจิตใจ อยากหย่า ฝากบอกคู่กรณี รักแต่ติดต่อไม่ได้
ภาพจาก Instagram stampapiwat

          2. ประเด็นอื่น ๆ กำลังทยอยครับ เรื่องสายการบิน ผมไม่เคยทราบ
อันนี้ต้องไปถามหลักฐานจากแสตมป์ ไม่ใช่พูดลอย ๆ ส่วนเรื่อง พ่อนายพล
ผมก็ทราบจากแสตมป์แบบที่ทุกคนรู้ ซึ่งผมเรียกร้องให้ทาง พรรคก้าวไกล
(หมออ๋องอยู่พิษณุโลกด้วย) ที่สนใจประเด็นนี้ไปขอหลักฐานว่า
พ่อเขาขู่อย่างไรจากแสตมป์ครับ ถ้ามีจริง ๆ
ผมก็ไม่โอเคกับที่พ่อนายพลมาขู่ครับ และต้องจัดการถึงที่สุด
เอาเป็นหลักฐานมาเปิดเลยครับ”

          ซึ่งจากแชต
แสตมป์บอกเพื่อนว่าที่อยู่ ๆ หายไป โดยภรรยาอ้างว่าเขางดเล่นโซเชียลนั้น
เพราะภรรยายึดโทรศัพท์ไปหมดเลย ตนอึดอัดมาก ตนอยากหนีไปไกล ๆ แต่ก็ทำไม่ได้
ตนไม่มีอะไรติดตัวเลย ตนรู้สึกเหมือนอยู่ในนรก ถูกนิวคุม อยู่ด้วยตลอด

         
แสตมป์ยังอ้างว่าต้องแอบมาใช้ไอแพดส่งข้อความ และฝากบอก X
ว่าตนติดต่อใครไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และคิดถึงเขามาก
ตนอยากคุยกับเขามาก ฝากบอกเขาว่า ตนทรมานมาก ตนคิดถึงเขามาก ๆ

          ส่วนที่ภรรยาต้องทำถึงขนาดนี้ เพราะไม่อยากเสียตนไป บอกว่าจะไปฟ้องศาลถ้าตนออกไป ซึ่งตนก็สงสารภรรยา แต่ว่าก็ทรมานมาก 

เพื่อนเผย แสตมป์ อ้างถูกเมียทำร้ายจิตใจ อยากหย่า ฝากบอกคู่กรณี รักแต่ติดต่อไม่ได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้
เพื่อนเผย แสตมป์ อ้างถูกเมียทำร้ายจิตใจ อยากหย่า ฝากบอกคู่กรณี รักแต่ติดต่อไม่ได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้
เพื่อนเผย แสตมป์ อ้างถูกเมียทำร้ายจิตใจ อยากหย่า ฝากบอกคู่กรณี รักแต่ติดต่อไม่ได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้
เพื่อนเผย แสตมป์ อ้างถูกเมียทำร้ายจิตใจ อยากหย่า ฝากบอกคู่กรณี รักแต่ติดต่อไม่ได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้
เพื่อนเผย แสตมป์ อ้างถูกเมียทำร้ายจิตใจ อยากหย่า ฝากบอกคู่กรณี รักแต่ติดต่อไม่ได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้
เพื่อนเผย แสตมป์ อ้างถูกเมียทำร้ายจิตใจ อยากหย่า ฝากบอกคู่กรณี รักแต่ติดต่อไม่ได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้
เพื่อนเผย แสตมป์ อ้างถูกเมียทำร้ายจิตใจ อยากหย่า ฝากบอกคู่กรณี รักแต่ติดต่อไม่ได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้
เพื่อนเผย แสตมป์ อ้างถูกเมียทำร้ายจิตใจ อยากหย่า ฝากบอกคู่กรณี รักแต่ติดต่อไม่ได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้
เพื่อนเผย แสตมป์ อ้างถูกเมียทำร้ายจิตใจ อยากหย่า ฝากบอกคู่กรณี รักแต่ติดต่อไม่ได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้
เพื่อนเผย แสตมป์ อ้างถูกเมียทำร้ายจิตใจ อยากหย่า ฝากบอกคู่กรณี รักแต่ติดต่อไม่ได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้
เพื่อนเผย แสตมป์ อ้างถูกเมียทำร้ายจิตใจ อยากหย่า ฝากบอกคู่กรณี รักแต่ติดต่อไม่ได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้

         
อย่างไรก็ตาม พบว่า ทนายนิด้า ทนายฝั่งแสตมป์
ยังเข้ามาตอบคอมเมนต์หนึ่งถึงทางเพจ ระบุว่า
“วันไกล่เกลี่ยมีแค่คุณแสตมป์กับทนายความ และฝ่ายคู่กรณี
กับทนายความและนายพล ไม่มีบุคคลอื่น
ถ้าคนอื่นเป็นคนบอกว่าไม่มีการข่มขู่ก็เชื่อไม่ได้
เพราะเขาไม่อยู่ในเหตุการณ์
ส่วนถ้าฝ่ายคู่กรณีเป็นคนปฏิเสธเองว่าไม่เคยข่มขู่ ก็เป็นเรื่องปกติค่ะ”

เพื่อนเผย แสตมป์ อ้างถูกเมียทำร้ายจิตใจ อยากหย่า ฝากบอกคู่กรณี รักแต่ติดต่อไม่ได้

แฟนคู่กรณี แสตมป์ ปาเอกสารคดีชู้สาว ดีเทลยิบ ลั่นที่อ้างว่าชนะคดี ไม่มีอยู่จริง

         แฟนคู่กรณี แสตมป์ อภิวัชร์ โพสต์เอกสารคดีชู้สาว ย้ำไม่เคยมีคำคัดสินเรื่องคุกคาม เผยสภาพจิตใจฝ่ายหญิงพังทลายจากการโดนตามอาฆาต



แฟนคู่กรณี แสตมป์ ปาเอกสารคดีชู้สาว ดีเทลยิบ ลั่นที่อ้างว่าชนะคดี ไม่มีอยู่จริง
ภาพจาก Instagram stampapiwat

          จากประเด็นร้อนที่ แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข นักร้องชื่อดัง เปิดใจว่าถูกลูกสาวของนายพล คุกคามครอบครัวนานนับ 10 ปี มีการฟ้องร้องขึ้นศาลจนชนะคดีแล้ว แต่ยังถูกพ่อของสาวคู่กรณี คุกคามข่มขู่ โดยต่อมาวง Tilly Birds ออกแถลงการณ์ยอมรับว่า บุคคลที่แสตมป์ บอกว่าคุกคามภรรยานั้น คือแฟนสาวของ Sound Engineer ของวง และทางวงขอวางตัวเป็นกลาง เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัวในคดีชู้สาว ขณะที่แฟนหนุ่มของคู่กรณี โพสต์อินสตาแกรมโต้กลับ ว่าเรื่องที่แสตมป์ เปิดเผยมานั้น ไม่เป็นความจริง แต่ฝ่ายตัวเองต่างห่างที่ถูกคุกคาม

อ่านข่าว : แฟนคู่กรณี แสตมป์ อภิวัชร์ ลั่นแฟนไม่ใช่ซาแซง แฉโดนเมียนักร้องด่า-ถูกคุกคาม !

แฟนคู่กรณี แสตมป์ ปาเอกสารคดีชู้สาว ดีเทลยิบ ลั่นที่อ้างว่าชนะคดี ไม่มีอยู่จริง
ภาพจาก Instagram stampapiwat

          วันที่ 19 กรกฎาคม 2568  Sound Engineer ของวง Tilly Birds ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของคู่กรณี โพสต์อินสตาแกรมอีกรอบ ชี้แจงถึงคดีชู้สาวที่มีการฟ้องร้องกัน โดยระบุว่า “ขอโทษที่ลบข้อความก่อนหน้านี้ ผมกังวลและลนลานมาก ขอเรียบเรียงแบบชัดเจนอีกครั้งหนึ่งครับ

          เรื่องประเด็นคดี ไม่เคยมีคำตัดสินเรื่องคุกคามแต่อย่างใด มีเพียงคดีหมิ่นประมาท กับคดีอื่น ๆ ที่โจทก์ถอนฟ้อง คดีที่เรายอมความคือคดีละเมิด ในเนื้อความมีเรื่องเกี่ยวกับการชู้สาวที่ศาลเยาวชน เราได้ทำสัญญาการจ่ายเงิน เป็นจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อให้เรื่องจบ และเราไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับเขาอีกตามสัญญาท้ายฟ้อง เรามองว่าเราจ่ายได้ อีกทั้งชั่งน้ำหนักกับเรื่องที่พ่อพวกเราป่วย จึงตัดสินใจไปทางนี้ เพื่อจะกลับมาใช้เวลาดูแลครอบครัว และคงดีที่ไม่ต้องพูดถึงกันอีกต่อไป ตรงส่วนนี้คือที่ทางวง Tilly Birds หมายถึงครับ

          แนบหลักฐานในการฟ้องมาให้ดูครับ มีการฟ้องกันหลายคดี
มีการฟ้องชู้ด้วย หากทางนู้นมีหลักฐานใดโต้แย้งเชิญได้เลยครับ
เพราะฉะนั้นทุกคดีของเราไม่เคยมีการสืบพยาน ไม่เคยไปถึงเรื่องจริง
มีแต่ตกลงว่าจะจ่ายค่าเสียหายให้เพื่อจบเรื่อง
ซึ่งวันนี้เรารู้แล้วว่าเราพลาด
เพราะมันทำให้คนเข้าใจว่าเรายอมรับผิดคดีเกี่ยวกับการคุกคามใด ๆ
แบบที่เขาอ้าง และอ้างว่าชนะไม่มีอยู่จริงครับ
ถ้ามีอยู่ช่วยแสดงออกมาด้วยครับ

แฟนคู่กรณี แสตมป์ ปาเอกสารคดีชู้สาว ดีเทลยิบ ลั่นที่อ้างว่าชนะคดี ไม่มีอยู่จริง

          ที่แฟนผมไม่ออกมาพูด
เพราะขณะนี้สภาพจิตใจพังทลายมากจากการโดนตามอาฆาตมาตลอด
มีการส่งจดหมายไปตามที่ต่าง ๆ ที่เคยทำงาน เพื่อให้มีการเลิกจ้าง โทร.
หาบุคคลที่ผมทำงาน หรือเคยทำงานด้วย เพื่อให้เราสองคนไม่มีงานทำ
ผมจึงขอออกมาพูดแทนครับ เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก และทุกคนอยากลืมมันไป
ขณะนี้มีคนเสียหายเยอะมาก
เพราะทุกคนแค่ไม่อยากให้ใครต้องมาบาดเจ็บจากการเปิดเผยเรื่องเหล่านี้

          
         
ผมขอโทษครับ นี่คือสิ่งที่ผมบอกกับวงและคนรอบข้างไป Tilly Birds และหลาย ๆ
คน จึงไม่อยากเข้ามายุ่ง
ผมขอโทษที่ก่อนหน้านี้แสดงอาการลนลานและโพสต์อะไรที่จับใจความไม่ได้ออกไป
ส่วนเรื่องอื่น ๆ หลังจากนี้
ผมจะขอใช้เวลาเตรียมการให้ดีและรอบคอบขึ้นและจะมีการออกมาพูดอย่างแน่นอนครับ”

แฟนคู่กรณี แสตมป์ ปาเอกสารคดีชู้สาว ดีเทลยิบ ลั่นที่อ้างว่าชนะคดี ไม่มีอยู่จริง

แฟนคู่กรณี แสตมป์ ปาเอกสารคดีชู้สาว ดีเทลยิบ ลั่นที่อ้างว่าชนะคดี ไม่มีอยู่จริง

แฟนคู่กรณี แสตมป์ ปาเอกสารคดีชู้สาว ดีเทลยิบ ลั่นที่อ้างว่าชนะคดี ไม่มีอยู่จริง

แฟนคู่กรณี แสตมป์ ปาเอกสารคดีชู้สาว ดีเทลยิบ ลั่นที่อ้างว่าชนะคดี ไม่มีอยู่จริง

แฟนคู่กรณี แสตมป์ ปาเอกสารคดีชู้สาว ดีเทลยิบ ลั่นที่อ้างว่าชนะคดี ไม่มีอยู่จริง

แฟนคู่กรณี แสตมป์ ปาเอกสารคดีชู้สาว ดีเทลยิบ ลั่นที่อ้างว่าชนะคดี ไม่มีอยู่จริง

แฟนคู่กรณี แสตมป์ ปาเอกสารคดีชู้สาว ดีเทลยิบ ลั่นที่อ้างว่าชนะคดี ไม่มีอยู่จริง

แฟนคู่กรณี แสตมป์ ปาเอกสารคดีชู้สาว ดีเทลยิบ ลั่นที่อ้างว่าชนะคดี ไม่มีอยู่จริง

แฟนคู่กรณี แสตมป์ ปาเอกสารคดีชู้สาว ดีเทลยิบ ลั่นที่อ้างว่าชนะคดี ไม่มีอยู่จริง

เหยื่อติ๊ก ชิโร่ เสียชีวิตตามพี่สาว พ่อเปิดใจปมเยียวยา ชี้สิ่งที่อีกฝ่ายพูดและทำ ย้อนแย้ง

          น้องจูเนียร์ เหยื่อติ๊ก ชิโร่ เมาแล้วขับ เสียชีวิตอีกคน พ่อเศร้ารับศพลูกชาย หลังเสียลูกสาวคนโตไปก่อนหน้า เผยห่วงเรื่องเยียวยา ยังไม่คืบหน้า ชี้สิ่งที่คู่กรณีพูดและทำ ย้อนแย้งหลายอย่าง



เหยื่อติ๊ก ชิโร่ เสียชีวิตตามพี่สาว พ่อเปิดใจปมเยียวยา

เหยื่อติ๊ก ชิโร่ เสียชีวิตตามพี่สาว พ่อเปิดใจปมเยียวยา
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้


          จากกรณี ติ๊ก ชิโร่ ศิลปินนักร้องชื่อดัง ขับรถตู้ชนรถจักรยานยนต์ เป็นผลให้ น.ส.เทียนพร อายุ 28 ปี เสียชีวิต และ นายจักรภัทร อายุ 21 ปี ตกสะพานสูง 10 เมตร ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง ติ๊ก ชิโร่ ได้ให้สัญญาว่าจะรับผิดชอบเยียวยากับทางครอบครัวนั้น

          ล่าสุด (19 มกราคม 2568) เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า นายจักรภัทร หรือ น้องจูเนียร์ เหยื่อติ๊ก ชิโร่ เมาแล้วขับ ที่ได้รับบาดเจ็บสาเหตุ เสียชีวิตแล้วเมื่อวานนี้ (18 มกราคม) ซึ่งขณะนี้คุณพ่อเดินทางมาทำเรื่องรับร่างของลูกชายไปประกอบพิธีทางศาสนา หลังจากที่สูญเสียลูกสาวคนโตไปก่อนหน้า

เหยื่อติ๊ก ชิโร่ เสียชีวิตตามพี่สาว พ่อเปิดใจปมเยียวยา
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

          โดย คุณพ่อของผู้เสียชีวิต ยังเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า
นับตั้งแต่ลูกชายแอตมิต ติ๊ก ชิโร่ เคยเข้ามาเยี่ยม 3 ครั้ง
และนับตั้งแต่ลูกสาวคนโตเสียชีวิต คู่กรณีได้จ่ายเงินมาจำนวน 100,000 บาท
เป็นค่าทำศพ และเงินช่วยเหลืออีก 70,000 บาท
รวมถึงในส่วนที่น้องจูเนียร์ออกจากโรงพยาบาลไปอยู่ศูนย์พักฟื้นต่อนั้น
ทางคู่กรณีก็มีการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง

         
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการรับผิดชอบการเยียวยา จริง ๆ
ครอบครัวเคยคุยกับฝั่งตัวแทนของติ๊ก ชิโร่ ไปเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2567
โดยได้เรียกร้องเงินจำนวนหนึ่งไป แต่หลังจากนั้นเป็นเวลาเกือบ 3 เดือนแล้ว
ก็ยังไม่ได้มีการตอบสนองอะไรกัน เขาบอกว่ารับรู้รับทราบ
จะไปพิจารณาแล้วจะแจ้งกลับมา แต่ก็เงียบหายไป

         
กระทั่งวันที่ 13 มกราคม ทางตำรวจแจ้งว่าต้องส่งสำนวนให้อัยการแล้ว
หากไม่มีการเจรจาเรื่องนี้ก็จะสรุปสำนวนส่งอัยการแล้ว ทางติ๊ก ชิโร่
จึงส่งน้องสาวมาเป็นตัวแทนการเจรจา พร้อมแจ้งยอดเงินเยียวยาให้เราทราบ
ซึ่งน้อยกว่าที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้ค่อนข้างเยอะ
โดยเขาบอกว่าเป็นการเยียวยาสำหรับน้อง 2 คน
คือลูกสาวคนโตที่เสียชีวิตไปแล้ว กับลูกชายที่ขณะนั้นกำลังป่วย
แต่ไม่ได้เป็นเงินสด

          โดยทางนั้นเผยว่า
มีที่ดินอยู่ผืนหนึ่งใน จ.นครราชสีมา พร้อมบอกว่ามีมูลค่าประมาณเท่านี้
คาดว่าจะขายได้ประมาณเท่านี้ หากขายได้จะนำเงินมามอบให้
แต่ไม่รู้จะขายได้เมื่อไหร่
 
          ณ
วันนี้ ที่ลูกชายเสียแล้ว
เงื่อนไขการเยียวยาจะเปลี่ยนไหมคุณพ่อก็ยังไม่ทราบ
แต่ในสิ่งที่เขาเสนอมาเมื่อวันที่ 13 มกราคม เรารับไม่ได้
เพราะมองว่าราคาที่ดินจะเป็นไปตามที่เขาแจ้งมาหรือไม่ก็ไม่ทราบ
แล้วเขาจะขายได้เมื่อไหร่ แถมยังมีในส่วนของวงเงิน
ซึ่งตอนนั้นลูกชายไปอยู่ศูนย์พักฟื้น เราจึงทราบค่าใช้จ่ายต่อเดือนมาแล้ว
ซึ่งหากคำนวณจากวงเงินที่เขาเสนอมา คิดว่าคงดูแลลูกได้แค่ 2-3 ปี ก็หมด
ตนจึงปฏิเสธไป
 
         
สำหรับที่น้องจูเนียร์เพิ่งเสียชีวิตนั้น
คุณพ่อยังไม่ได้แจ้งให้อีกฝ่ายทราบ เพราะเพิ่งมาหาหมอฉุกเฉินเมื่อวานนี้
(18 มกราคม) และคุณพ่อก็ยังยุ่ง ๆ อยู่

 
          สำหรับเรื่องที่อยากบอกคู่กรณีคือ ในส่วนค่าเยียวยาที่ยังไม่สรุปสักที อยากให้ลองพิจารณาตรงนี้หน่อยว่ายังไงดี

         
ส่วนที่จะไปแจ้งความในวันนี้ สืบเนื่องจากแพทย์นิติเวชบอกว่า
ในเคสการเสียชีวิตที่โรงพยาบาลแบบนี้ ตามขั้นตอนต้องมีการไปแจ้งความก่อน
เพื่อจะไปตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจากอะไร
เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุครั้งที่แล้วหรือไม่
 
         
ทั้งนี้ หากดูการกระทำที่ผ่านมาของคู่กรณี เขาก็คุยดี มีการติดต่อกัน
แต่ว่าสิ่งที่พูดกับสิ่งที่กระทำ บางทีก็จะย้อนแย้งกันอยู๋เสมอ เช่น
เขาบอกว่ายินดีรับผิดชอบและดูแลทุกอย่าง ตามที่สังคมรับรู้กัน
บอกว่าจะชดเชย แต่ความเป็นจริงก็ไม่ค่อยมี บางทีหากเราไม่ทวงถามก็เงียบไป  

         
แล้วที่บอกว่ายอมรับผิด แต่ในทางกลับพบว่ายังไปยื่นสู้คดี
ไปร้องขอความเป็นธรรม พยายามทำคดีให้เป็นประมาทร่วม
ดูย้อนแย้งอยู่หลายครั้ง ทำให้กังวลว่าอาจไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน
แต่หลังจากนี้หากเขาไม่รับผิดชอบก็คงต้องไปว่ากันในศาลตามกระบวนการ
และยินดีหาก ติ๊ก ชิโร่ จะมาร่วมงานศพลูกชาย

         
สำหรับเรื่องที่ดินที่อีกฝ่ายเสนอมานั้น เขาบอกเพียงว่าอยู่ จ.นครราชสีมา
น่าจะขายได้ประมาณเท่านั้น แล้วบอกว่าหากเราไม่อยากรอเงิน
ก็ยินดีโอนที่ดินผืนนั้นมาเป็นชื่อเรา คุณพ่อจึงส่งไลน์หาน้องสาวติ๊ก
ที่เป็นคนมาเจรจา ว่าจะโอนให้เราก็ได้ แต่ขอรายละเอียดโฉนดด้วย
แต่เขาก็ไม่อ่านไลน์ ไม่ตอบไลน์ 4-5 วัน
จนตอนนี้เราก็ยังไม่ทราบรายละเอียดของโฉนด รู้แค่อยู่จังหวัดไหน
แต่ขนาดเท่าไหร่ก็ไม่ทราบ

          ทั้งนี้ คาดว่าจะได้รับศพลูกชายประมาณ 13.00 น. ก่อนนำร่างไปตั้งทำพิธีที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน

ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ออนไลน์

ร้านทอง เห็นลูกค้าอาการแปลก ๆ ก่อนช่วยพ้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก

           เจ้าของร้านทองเอะใจ เจอลูกค้าท่าทีแปลก ๆ ไม่กล้าพูดจา ก่อนเขียนข้อความใส่กระดาษ ก่อนช่วยพ้นมิจฉาชีพหลอกได้



เจ้าของร้านทองช่วยลูกค้า โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก
ภาพจาก ข่าวช่องวัน

           วันที่ 19 มกราคม 2568 ข่าวช่อง 3  รายงานว่า น.ส.ดุจฤดี อายุ 45 ปี เจ้าของห้างทองในตลาดคิวรถ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยอุทาหรณ์เตือนภัย หลังเจอลูกค้าเข้ามาขายทองในลักษณะแปลก ๆ ก่อนจะช่วยเหลือไม่ให้ลูกค้ารายนี้ถูก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกด้วยวิธีการแบบใหม่

           น.ส.ดุจฤดี เล่าว่า มีลูกค้าเป็นหญิง นำทองน้ำหนักประมาณบาทเศษ คิดเป็นเงินประมาณ 50,000 บาท มาขายที่ร้าน แต่ลูกค้ามีท่าทางลุกลี้ลุกลน เหมือนหวั่นวิตกอะไรบางอย่าง ไม่ยอมพูด ขอกระดาษกับปากกาจากทางร้านแล้วเขียนสื่อสารกัน ใจความที่เขียนระบุว่า “ขายทองทั้งหมดเป็นเม็ดเงินโอนเข้าบัญชีเพื่อตรวจสอบสินทรัพย์ มีไหม”

เจ้าของร้านทองช่วยลูกค้า โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก
ภาพจาก ข่าวช่องวัน

           จากนั้นตนสังเกตโทรศัพท์ของลูกค้า ลักษณะเหมือนมีสายคุยอยู่ เห็นว่ามาจาก สภ.ขอนแก่น ตนเองเริ่มเอะใจ จึงพยายามถ่วงเวลา และปฏิเสธการรับซื้อ จนเวลาผ่านไปกว่า 30 นาที สุดท้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยอมวางสายไป

เจ้าของร้านทองช่วยลูกค้า โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก
ภาพจาก ข่าวช่องวัน

          จากการสอบถาม
น.ส.อารี อายุ 37 ปี ลูกค้าที่เอาทองมาขาย ได้รับคำตอบว่า
มีคนโทรศัพท์มาบอกว่าติดคดี พร้อมส่งภาพหมายจับมาให้
จากนั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถามว่ามีเงินในบัญชีเท่าไหร่ ผู้เสียหายบอกว่ามี
400 บาท แก๊งคอลเซ็นเตอร์บอกว่ามีทองหรือไม่ พอทราบว่ามีทอง
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้นำทองทั้งหมดไปขายที่ร้าน แล้วโอนเข้าบัญชีเพื่อตรวจสอบ
ที่สำคัญห้ามบอกสามีและห้ามบอกใครเด็ดขาดแม้กระทั่งร้านทอง
ให้เขียนหนังสือสื่อสารกัน ทำให้ น.ส.อารี ไม่กล้าแม้แต่จะพูดกับร้านทอง

เจ้าของร้านทองช่วยลูกค้า โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก
ภาพจาก ข่าวช่องวัน

           สุดท้ายนี้
อยากจะฝากแจ้งเตือนคนทั่วไปว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลากหลายรูปแบบ
แทบจะตามไม่ทัน โดยเฉพาะคนทั่วไปที่ไม่ค่อยดูข่าวสารอาจตกเป็นเหยื่อได้

เจ้าของร้านทองช่วยลูกค้า โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก
ภาพจาก ข่าวช่องวัน

ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3

ซื้อบ้านเกือบ 10 ล้าน อยู่มา 7 ปี เพิ่งรู้ความลับ ช็อกเจ้าของเดิมยังไม่ไปไหน

          ได้เหรอ ? จ่ายเงินซื้อบ้านเกือบ 10 ล้าน อยู่มา 7 ปี ช็อกเพิ่งเจอห้องลับ แถมเจ้าของเดิมไม่หายไปไหน อ้างขายให้แค่บ้าน ไม่ได้รวมห้องใต้ดิน



ซื้อบ้านเกือบ 10 ล้าน อยู่มา 7 ปี เพิ่งรู้ความลับ
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          วันที่ 18 มกราคม 2568 เว็บไซต์ CTWANT รายงานกรณีข้อพิพาทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในมณฑลเจียงซู ประเทศจีน ซึ่งกลายเป็นที่สนใจในขณะนี้ โดยพบว่าเมื่อ 7 ปีก่อน ชายแซ่หลี่ ได้ซื้อบ้านมือสองแห่งหนึ่งมาในราคาสูงถึง 1.98 ล้านหยวน (ราว 9.2 ล้านบาท) สถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ใจกลางเมือง มีระบบการคมนาคมสะดวกสบาย แถมยังตกแต่งภายในไว้อย่างดี ทำให้ครอบครัวของเขาพอใจมาก และย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังนี้ในไม่ช้า แต่ไม่นานมานี้เองที่เขาเพิ่งค้นพบพื้นที่ลับสุดอึ้ง ซึ่งมีสัญญาณบ่งบอกว่าเจ้าของบ้านคนเดิม น่าจะเข้ามาพักผ่อนใช้ชีวิตอยู่ในนี้เป็นครั้งคราว

          รายงานเผยว่า เป็นเวลานานถึง 7 ปี ที่นายหลี่กับครอบครัวใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้โดยไม่เคยสำรวจบ้านให้ทั่วทุกซอกทุกมุม จนกระทั่งวันหนึ่ง ตอนที่นายหลี่กำลังจัดการของในบ้าน อยู่ ๆ ก็พบว่ามีประตูลับซ่อนอยู่ที่ผนัง บริเวณหลังช่องบันได และเมื่อเขาเปิดประตูนั้นเข้าไป ก็พบกับห้องใต้ดินที่กว้างขวางและสว่างไสว

ซื้อบ้านเกือบ 10 ล้าน อยู่มา 7 ปี เพิ่งรู้ความลับ
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          การค้นพบที่ไม่คาดคิดทำให้นายหลี่แปลกใจมาก
เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีพื้นที่เช่นนี้ในบ้าน
และก็ไม่พอใจที่เจ้าของบ้านคนเก่าไม่เคยบอก นอกจากนี้
เขายังค้นพบความจริงที่น่าตระหนกว่า
ห้องใต้ดินแห่งนี้ไม่เพียงมีพื้นที่กว้างขวาง แต่ยังมีข้าวของต่าง ๆ
ติดตั้งไว้อย่างดี มีอุปกรณ์ให้ความสว่างและระบบระบายอากาศแยกจากตัวบ้าน
แถมยังมีพื้นที่บาร์เล็ก ๆ ด้วย
เห็นได้ชัดว่าถูกออกแบบมาให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับพักผ่อน

         
เขารู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่จะมีในบ้านทั่วไป
และเจ้าของบ้านคนเดิมก็จงใจปิดบังไว้ระหว่างทำเรื่องซื้อขาย
ด้วยความสงสัยและสับสน นายหลี่จึงพยายามติดต่อไปหา นางจาง
ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านคนเดิม

          อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญกับการตั้งคำถาม นางจางได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา บอกว่า “คุณหลี่ สิ่งที่ฉันขายให้คุณคือบ้านก็จริง แต่ฉันขายให้คุณแค่บ้าน ไม่เคยบอกว่ารวมถึงห้องใต้ดินด้วย”
 
         
กลายเป็นว่านางจางยังคงแอบใช้ห้องใต้ดินเป็นพื้นที่พักผ่อนส่วนตัว
และไม่ยอมรวมห้องใต้ดินนี้ในสัญญาซื้อขาย นายหลี่โต้เถียงว่า
ในเมื่อเขาจ่ายเงินซื้อบ้านไปแล้ว ก็ควรได้สิทธิในห้องใต้ดินด้วย
และสุดท้ายก็ตัดสินใจใช้กฎหมายจัดการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง
 
         
ทั้งนี้ ภายหลังจากการพิจารณาคดีในศาลหลายครั้ง ในที่สุดศาลก็มีข้อสรุปว่า
แม้ห้องใต้ดินจะไม่ถูกระบุรวมในสัญญาซื้อขายบ้าน
แต่จากโครงสร้างและสภาพของบ้าน
อาจอนุมานได้อย่างสมเหตุสมผลว่าห้องใต้ดินนี้ป็นส่วนหนึ่งของบ้านทั้งหลัง
และมีผลกระทบโดยตรงต่อมูลค่าของบ้าน
การที่เจ้าของเดิมไม่ได้แจ้งการมีอยู่ของพื้นที่นี้ระหว่างการซื้อขาย
ถือว่าละเมิดตต่อกฎหมาย เจตนาทำให้ผู้ซื้อเข้าใจผิด

         
ดังนั้น ท้ายที่สุดศาลจึงมีคำสั่งให้นางจางจ่ายเงินชดเชยแก่นายหลี่
พร้อมยืนยันว่านายหลี่คือผู้ที่มีสิทธิใช้ห้องใต้ดินดังกล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก CTWANT

นักสืบชู้ ชี้เป้าจุดนัดพบชู้ของสามีนอกใจ อยู่ใกล้บ้านกว่าที่คิด เจอประจำ

        นักสืบจับชู้ เผยสถานที่จับโป๊ะ ผู้ชายนอกใจมักแวะไปก่อนแอบนัดรับกิ๊ก อึ้งส่วนใหญ่แทบไม่ไกลจากบ้านเมีย



นักสืบจับชู้ ชี้เป้าจุดไหน ผู้ชายนอกใจมักแวะก่อนไปหากิ๊ก

          การนอกใจเป็นหนึ่งในปัญหาที่สร้างความแตกร้าวให้กับชีวิตคู่ ซึ่งสัญญาณของการมีมือที่สามของผู้ชายนั้น บางครั้งอาจจะมาจากกิจวัตรประจำวันที่ฝ่ายหญิงอาจไม่ทันสังเกตก็เป็นได้

          วันที่ 17 มกราคม 2568 เว็บไซต์ Ladbible รายงานว่า แรนโน นักสืบเอกชน จากคอนเนตทิคัต สหรัฐฯ ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี เปิดเผยความลับของเหล่าสามีนอกใจ พบว่าจำนวนมากต่างมีจุดนัดพบกับหญิงมือที่สาม ในสถานที่ซึ่งภรรยาอาจคาดไม่ถึง

          นักสืบชู้ เล่าช่วงหนึ่งผ่านพอสแคสต์ของ ยูทูบ Ian Bick ระบุว่า ถ้าเขาได้รับว่าจ้างจากภรรยาให้หาหลักฐานที่สามีกำลังนอกใจ เขาจะติดตามฝ่ายชายไปที่ ปั๊มน้ำมัน หรือ ร้านล้างรถ และมักจะเจอที่ร้านล้างรถอยู่เสมอ

          เมื่อถามถึงเหตุผลว่า ทำไมเหล่าสามีซุกกิ๊ก จึงมักจะไปร้านล้างรถ แรนโน มองว่า เพราะถ้าผู้ชายจะไปรับกิ๊ก พวกต้องไปทำความสะอาดรถ ดังนั้นเมื่อตามสืบเหล่าสามีแล้วพบว่าพวกเขานำรถไปล้าง ให้คิดล่วงหน้าได้เลยว่า แล้วเขาจะไปไหนต่อ ซึ่งที่น่าทึ่งคือ พวกเขาก็มักจะขับไปรับชู้จริง ๆ แทบทุกเคส

        

นักสืบจับชู้ ชี้เป้าจุดไหน ผู้ชายนอกใจมักแวะก่อนไปหากิ๊ก
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา

          จากมุมมองของนักสืบ สำหรับผู้หญิง
พวกเธอไม่ค่อยสนใจรถมากนัก ส่วนใหญ่ก็แค่ขึ้นรถของฝ่ายชายเท่านั้น
แต่สำหรับผู้ชายแล้ว พวกเขาชอบที่จะเป็นฝ่ายขับรถ
และตัวเขาเองแทบจะไม่เคยเห็นกรณีที่ผู้ชายจะนั่งรถแล้วให้กิ๊กขับ

         
ที่น่าตกใจคือ สถานที่ซึ่งสามีนอกใจมักนัดไปรับกิ๊ก
ส่วนใหญ่จะไม่ได้ห่างจากบ้านเท่าไหร่นัก โดยแรนโน เผยว่า ใกล้มาก
บางครั้งอยู่บนถนนเส้นเดียวกันด้วยซ้ำ แต่ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในเมืองเดียวกัน
หรือย่านใกล้ ๆ กัน และแทบทุกครั้งมักจะเกี่ยวกับเรื่องงาน

          รายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษากาย
เคยออกมาเตือนเกี่ยวกับสัญญาณของการโดนนอกใจ ให้สังเกตว่า
อีกฝ่ายจะตั้งรับเมื่อถูกถามเกี่ยวกับเรื่องงาน โดยมีอาการเช่น
เลี่ยงการสบตา มีความหงุดหงิดบ่อย เก็บโทรศัพท์ไว้ใกล้ตัว
และเดินเร็วผิดปกติ

         
ส่วนสาขาอาชีพที่มักจะพัวพันกับปัญหานอกใจมากที่สุด พบว่า อาชีพงานขาย
ติดอันดับต้น ๆ รวมทั้งงานด้านการศึกษา ก็พบบ่อยเช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก Ladbible

นักท่องเที่ยวต่างชาติ เสียชีวิต 2 ราย กลางเทศกาล EDM ภูเก็ต

          นักท่องเที่ยวช็อกหมดสติ เสียชีวิต 2 ราย ขณะเข้าร่วมเทศกาลดนตรี EDM ระดับโลก ที่ จ.ภูเก็ต แพทย์ยังไม่พบสาเหตุ



นักท่องเที่ยว ช็อกดับ 2 ราย กลางเทศกาลดนตรี EDM
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          วันที่ 19 มกราคม 2568 เพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานว่า พบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติช็อกหมดสติ ขณะเข้าร่วมงานเทศกาลดนตรี Electric Daisy Carnival Thailand 2025 ณ Boat Avenue Lakefront จ.ภูเก็ต และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งแพทย์พยายามช่วยชีวิตที่โรงพยาบาล เบื้องต้นเหตุเกิดขึ้นในคืนที่ 2 ของการจัดงาน โดยมีผู้เสียชีวิต 2 ราย

           รายแรก เมื่อวันที่ 18 มกราคม เวลาประมาณ 21.26 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลถลาง ทราบชื่อคือ นาย ชาร์ฟาราซ มักบุล อาเหม็ด (MR.SHARFARAZ MAQBUL AHMED) อายุ 28 ปี สัญชาติแคนาดา สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายเดินทางมากับเพื่อน ๆ และเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ประมาณ 2 วัน โดยพักอยู่คนเดียว ในวันเกิดเหตุผู้ตายมาร่วมงานเทศกาลดนตรีดังกล่าว ก่อนเกิดอาการหมดสติ เจ้าหน้าที่พยาบาลภาคสนามนำส่งโรงพยาบาลถลาง เวลา 20.50 น. อาการไม่มีสติ แต่ยังมีชีพจร แพทย์กระตุ้นหัวใจแต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ เสียชีวิตเวลา 21.26 น.

           ขณะที่ผู้เสียชีวิตอีกราย ถูกส่งมาที่โรงพยาบาลถลาง ทราบชื่อคือ
นายมิน เหงียน กวาง ฟาน (MR.MINH NGUYEN QUANG PHAN) อายุ 32 ปี
สัญชาติอเมริกัน ตรวจสอบตามร่างกายไม่มีบาดแผลจากการถูกทำร้ายร่างกาย 
เบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายเข้าร่วมงเทศกาลดนตรี ก่อนจะหมดสติขณะอยู่ในงาน
ในเวลา 23.35 น. วันที่18 มกราคม
เจ้าหน้าที่พยาบาลนำตัวส่งโรงพยาบาลในสภาพหมดสติ
แพทย์ช่วยเหลือกระตุ้นหัวใจ แต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ ผู้ป่วยเสียชีวิตใน
เวลา 00.30 น.วันที่ 19  มกราคม

          
ทั้ง 2 กรณี เบื้องต้นแพทย์ไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดได้
ตำรวจจึงแจ้งให้แพทย์ตรวจปริมาณแอลกอฮอล์และตรวจสารเสพติดไว้ก่อน
จากนั้นส่งศพต่อไปยังแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
เพื่อชันสูตรอย่างละเอียดต่อไป ก่อนประสานสถานทูตสหรัฐฯ และแคนาดา
ติดต่อญาติเพื่อนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนา

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว