ไฟป่าแคลิฟอร์เนียโหมหนัก ดับแล้ว 5 ราย เผาวอดร้านอาหารไทยชื่อดัง ปิดตำนาน 25 ปี

            สถานการณ์ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย รุนแรงหนัก มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 ราย ร้านอาหารไทยชื่อดังถูกเผาวอด ปิดตำนาน 25 ปี



ไฟป่าแคลิฟอร์เนีย เผาวอดร้านอาหารไทยชื่อดัง
ภาพจาก Instagram choladathailongbeach

            วันที่ 9 มกราคม 2568 เว็บไซต์ยูเอสเอทูเดย์ และซีเอ็นเอ็น รายงานว่า สถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มีลมกระโชกแรง ทำให้เพลิงไหม้โหมกระหน่ำและลุกลามอย่างรวดเร็ว จนล่าสุดส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 ราย และคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มสูงขึ้นอีก ขณะที่บ้านเรือนหลายร้อยหลังถูกเผาเสียหายเป็นวงกว้าง และประชาชนกว่า 100,000 ชีวิตต้องอพยพ

            ตามข้อมูลของกรมดับเพลิงแคลิฟอร์เนียเผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นไฟป่าที่ทำลายล้างมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของลอสแอนเจลิส โดยไฟป่าพาลิเซดส์ (Palisades Fire) ได้เผาไหม้บริเวณชายทะเลระหว่างมาลิบูและซานตาโมนิกา ลุกลามไปแล้วกว่า 15,800 เอเคอร์ (ประมาณ 39,974 ไร่) โดยที่ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ ขณะนี้ไฟป่าได้ทำลายอาคารบ้านเรือนไปแล้วอย่างน้อย 1,000 หลัง

            โดยหนึ่งในนั้นคือ ร้านอาหารไทย ชลดาไทยลองบีช (Cholada Thai Cuisine Long Beach) ซึ่งสาขาแรกตั้งอยู่ในเมืองมาลิบู ทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ถูกไฟป่าเผาวอดเสียหายจนหมด ปิดตำนานร้านอาหารไทยแท้ชื่อดังที่เปิดให้บริการลูกค้ามาตั้งแต่ปี 1999 (พ.ศ. 2542) รวมเป็นเวลานานถึง 25 ปี

ไฟป่าแคลิฟอร์เนีย เผาวอดร้านอาหารไทยชื่อดัง
ภาพจาก AGUSTIN PAULLIER / AFP

            บนโซเชียลมีเดียของทางร้านได้เผยให้คลิปวิดีโอเหตุการณ์ขณะที่ทั้งร้านกำลังจมกองเพลิง พร้อมทั้งเผยข้อความระบุว่า “พวกเราใจสลายที่ต้องประกาศว่าร้านอาหารไทยชลดา สาขาแรกบนชายฝั่งแปซิฟิกถูกไฟป่าพาลิเซดส์เผาทำลาย หลังจากเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1999 ขอขอบคุณทุกคนอย่างสุดซึ้งที่ส่งกำลังใจมาให้เราในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ความเมตตาและน้ำใจของทุกคนมีความหมายกับเรามาก” 

ไฟป่าแคลิฟอร์เนีย เผาวอดร้านอาหารไทยชื่อดัง
ภาพจาก Instagram choladathailongbeach

            ทั้งนี้ ทางร้านยังได้เปิดขอความช่วยเหลือบนเว็บไซต์ระดมทุน GoFundMe โยทางเจ้าของร้านซึ่งระบุชื่อว่านิค ได้กล่าวว่า “ร้านไทยชลดาแห่งนี้
ไม่ได้เป็นเพียงร้านอาหาร แต่เป็นชีวิตของฉัน ฉันใช้เวลาเกือบทุกวันที่นี่
ทุ่มเทให้กับทุกจานอาหาร ทุกปฏิสัมพันธ์
และทุกช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกับลูกค้าที่รัก มันไม่ใช่แค่ธุรกิจ
แต่เป็นสถานที่ที่ฉันสร้างความสัมพันธ์ตลอดชีวิต
ให้บริการครอบครัวนับไม่ถ้วน และทำงานเคียงข้างกับทีมงานที่ยอดเยี่ยม
การสูญเสียครั้งนี้ไม่ใช่แค่โครงสร้างภายนอกเท่านั้น
แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของหัวใจฉันด้วย”

            โดยทางร้านได้ตั้งเป้าเงินระดมทุนช่วยเหลือไว้อยู่ที่
150,000 ดอลลาร์ (ราว 5.1 ล้านบาท) ซึ่งขณะนี้มีผู้ร่วมบริจาคไปแล้ว 2,764
ดอลลาร์ (ราว 95,800 บาท)

ไฟป่าแคลิฟอร์เนีย เผาวอดร้านอาหารไทยชื่อดัง
ภาพจาก Instagram choladathailongbeach 

ขอบคุณข้อมูลจาก USA Today, CNN

ระทึกขวัญ คู่รักเล่นเรือลากร่ม เชือกขาดกลางอากาศ ร่างถูกลากไถลทะเล-กระแทกฝั่ง

         คู่รักเล่นเครื่องเล่นเรือลากร่ม เกิดเชือกที่ติดกับสปีดโบ๊ทขาดกลางอากาศ ร่างถูกลากไถลไปกับทะเลก่อนกระแทกฝั่งแรง



เรือลากร่มเชือกขาด
ภาพจาก X@heathcliffwin

          วันที่ 8 มกราคม 2568 เว็บไซต์เน็กซ์แอปเปิล รายงานว่า เกิดเหตุระทึกขวัญขึ้นกับนักท่องเที่ยวคู่หนึ่ง ซึ่งได้เดินทางไปเที่ยวบนเกาะซันอันเดรส ในทะเลแคริบเบียน ประเทศโคลอมเบีย และได้เล่นเครื่องเล่นพาราเซลลิ่ง หรือเรือลากร่ม แต่อยู่ ๆ เชือกเกิดขาดกลางอากาศ ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งสองเผชิญเหตุไม่คาดฝัน

          โดยเจ้าหน้าที่บนเรือได้บันทึกคลิปวิดีโอช่วงเวลาเกิดเหตุเอาไว้ได้ โดยแสดงให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวคู่นี้กำลังสนุกสนานกับการเล่นเครื่องเล่นอยู่กลางอากาศ แต่ระหว่างนั้นกลับมีลมพัดแรงมาอย่างกะทันหัน ทำให้เชือกที่ลากติดกับเรือสปีดโบ๊ทถูกกระชากจนขาด ทางสปีดโบ๊ทได้รีบขี่ตามนักท่องเที่ยวไปอย่างรวดเร็วเพื่อให้ความช่วยเหลือ  

เรือลากร่มเชือกขาด
ภาพจาก X@heathcliffwin

          อย่างไรก็ตาม
แรงลมได้พัดร่มของนักท่องเที่ยวจนปลิวไปไกลและได้ลากพวกเขาไถลไปกับน้ำทะเล
ก่อนที่ร่มดังกล่าวจะถูกพัดขึ้นฝั่งและหยุดปลิวในที่สุด
แต่ร่างของนักท่องเที่ยวทั้งสองกระแทกเข้ากับพื้นอย่างรุนแรง 

เรือลากร่มเชือกขาด
ภาพจาก X@heathcliffwin

         
หลังจากเกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินได้รับแจ้งจึงรีบเดินทางเข้าช่วยเหลือ
โดยนักท่องเที่ยวผู้ประสบเหตุทั้งสองรายถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
เบื้องต้นรายงานเปิดเผยเพียงว่า ทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัด

ขอบคุณข้อมูลจาก Next Apple

เจอ 2 ศพ ในซุ้มล้อเครื่องบิน ขณะตรวจเช็กเครื่อง สภาพแย่ยังไม่รู้เป็นใคร

          สะพรึง เจอ 2 ศพ ในซุ้มล้อเครื่องบิน ขณะช่างตรวจเช็กเครื่อง พบเพิ่งบินมาจากนิวยอร์ก ยังไม่รู้เป็นใคร สภาพศพเน่าเปื่อย ส่งชันสูตร



ศพบนเครื่องบิน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          วันที่ 7 มกราคม 2568 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เจ้าหน้าที่พบศพบุคคลปริศนา 2 ศพ อยู่ในซุ้มล้อของเครื่องบิน สายการบินเจ็ตบลู (JetBlue) ที่เพิ่งเดินทางจากนิวยอร์ก ซิตี มายังเมืองฟอร์ตลอเดอร์เดล รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา โดยขณะนี้ทางสายการบินยังไม่ทราบว่าชายผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คนเป็นใคร และอยู่ระหว่างสอบสวนว่าทั้งคู่เข้าถึงเครื่องบินได้อย่างไร

          รายงานเผยว่า ศพของทั้งคู่ถูกพบในคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา (6 มกราคม) ระหว่างการตรวจเช็กเครื่องบิน หลังทำการบินในเที่ยวบิน 1801 ซึ่งขณะนั้นผู้โดยสารลงจากเครื่องไปหมดแล้ว เหตุการณ์นี้นับเป็นกรณีล่าสุดจากหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เพิ่มความกังวลด้านความปลอดภัยของสายการบิน

         มีการเปิดเผยว่า เครื่องบินลำนี้เพิ่งบินมาจากสนามบินจอห์น เอฟ. เคนเนดี ในนิวยอร์ก มาถึงสนามบินที่ฟอร์ตลอเดอร์เดลในเวลา 23.10 น.
ก่อนที่ช่างเทคนิคประจำประตูบริเวณ landing gear
ซึ่งเป็นระบบล้อของเครื่องบิน จะสังเกตเห็นชาย 2
คนนี้ที่อยู่ในสภาพแน่นิ่งและเสียชีวิตแล้วภายในซุ้มล้อของเครื่องบิน
 
          จากนี้ทางนิติเวชจะทำการชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตของทั้ง
2 ศพ ขณะที่ทางการเปิดเผยว่าทั้ง 2 ศพอยู่ในสภาพเน่าเปื่อยมาก
แต่ศพที่พบไม่ได้กระทบต่อการดำเนินงานของสายการบิน

 
          อนึ่ง
การพบศพในซุ้มล้อของเครื่องบินนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลา 2 สัปดาห์
หลังมีการพบศพบริเวณล้อเครื่องบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ที่เดินทางจากชิคาโก
ไปยังเกาะเมาวี ขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานการบินสหรัฐฯ พบว่า
ช่องที่ระบบล้อเครื่องบินมักถูกใช้โดยคนที่ลักลอบขึ้นเครื่องบิน
โดยที่คนเหล่านี้ไม่ทราบว่าช่องดังกล่าวมีพื้นที่เล็กแค่ไหนตอนที่ล้อถูกดึงกลับ
หากคนเหล่านี้ไม่ถูกทับก็มักจะหมดสติเพราะขาดออกซิเจน
หรือถูกแช่แข็งขณะเครื่องบินอยู่ที่ระดับความสูง
และมีรายงานว่าคนที่ลักลอบขึ้นเครื่องบินด้วยการเข้าไปอยู่ในซุ้มล้อหรือช่องภายนอกอื่น
ๆ ของเครื่องบิน มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 80%
 
ขอบคุณข้อมูลจาก CNN

ทนายไพศาล โพสต์ปม นิวนิว เอวเด้ง ถูกทนายโกง เปิดเหตุที่ไม่บอก ทั้งที่เรียกพ่อ

นมชมพู ซื้อมาดื่ม เห็นแล้วก็สงสัย จะชมพูไปไหน ทำยังไงถึงชมพูแบบนี้

        สั่งนมชมพูมาดื่ม เพียงแค่เห็นถุงก็ได้แต่สงสัย มันจะชมพูไปไหน คนแห่เทียบมันเหมือนอะไร ก่อนมีเฉลย คาดว่า ทำยังไงถึงได้ชมพูแบบนี้



นมชมพู ซื้อมาดื่ม เห็นแล้วก็สงสัย จะชมพูไปไหน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Toonz Yosita

         วันที่ 9 มกราคม 2568 เฟซบุ๊ก Toonz Yosita มีการโพสต์เล่าประสบการณ์การสั่งนมชมพูจากร้านแห่งหนึ่งมา หวังดื่มอย่างอร่อย สดชื่น แต่เมื่อดูสีนมชมพูที่ได้กลับสงสัยว่า มันชมพูไปไหน

นมชมพู ซื้อมาดื่ม เห็นแล้วก็สงสัย จะชมพูไปไหน

         ส่วนชาวเน็ตที่เห็นภาพ ล้วนต่างจินตนาการถึงที่มาต่าง ๆ นานา เช่น เหมือนสีโปสเตอร์ เหมือนปลาแป้งแดง ขณะที่บางคนก็สงสัยว่า ต้องใช้อะไรผสมถึงสามารถทำสีได้แบบนี้ เป็นชมพูที่จริงใจ แต่ก็น่ากลัวจนไม่กล้ากิน

         หลายคนเดาว่า สิ่งที่ใช้ผสมสีจนผลออกมาเป็นแบบนี้คืออะไร คาดว่า น่าจะเป็นผงนมชมพู

นมชมพู ซื้อมาดื่ม เห็นแล้วก็สงสัย จะชมพูไปไหน

นมชมพู ซื้อมาดื่ม เห็นแล้วก็สงสัย จะชมพูไปไหน

นมชมพู ซื้อมาดื่ม เห็นแล้วก็สงสัย จะชมพูไปไหน

จนท. ขนสัมภาระเตือน นักเดินทางที่ชอบห่อกระเป๋าด้วยพลาสติก เผยสภาพจะเจอแบบไหน

 
           เจ้าหน้าที่ขนสัมภาระของสนามบิน เตือนนักเดินทางที่ชอบห่อกระเป๋าด้วยพลาสติก เผยสภาพจะเจอแบบไหน



ห่อกระเป๋าเดินทาง
ภาพจาก TikTok @teh_deagz

ห่อกระเป๋าเดินทาง
ภาพจาก TikTok @teh_deagz

             ผู้โดยสารที่เดินทางด้วยเครื่องบินล้วนเป็นห่วงกระเป๋าสัมภาระของตัวเอง
ต้องการให้มันเดินไปโดยปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไป
ทั้งไม่อยากให้ได้รับความเสียหายหรือมีรอยขีดข่วน
บางคนจึงใช้วิธีการห่อกระเป๋าด้วยพลาสติกแรป
ซึ่งในความเป็นจริงจะเป็นผลดีหรือไม่ ?

             วันที่ 8 มกราคม 2568
เว็บไซต์ UNILAD เผยว่า
มีเจ้าหน้าที่ขนสัมภาระของสนามบินในต่างประเทศรายหนึ่ง
ซึ่งใช้ชื่อว่าเอเดรียน ได้เผยคลิปวิดีโอทาง TikTok เตือนว่า
นักเดินทางไม่ควรห่อกระเป๋าสัมภาระด้วยพลาสติกแรป โดยเขาบอกว่า
กระเป๋าสัมภาระบางประเภทจะถูกคัดออกจากสายพานลำเลียง แล้วเขาจำต้อง “โยน”
มันลงทางลาดไป
เนื่องจากมีความเสี่ยงว่าสัมภาระเหล่านั้นจะไปติดอยู่บนสายพานในขณะที่ถูกเคลื่อนย้าย

             และหนึ่งในประเภทของสัมภาระที่ว่านั้นก็คือ
กระเป๋าเดินทางที่ถูกห่อด้วยพลาสติกแรป โดยเอเดรียนได้เผยคลิปวิดีโอ
ระบุแคปชั่นว่า “เจอแบบนี้ทุกวัน”
ถ่ายให้เห็นกระเป๋าเดินทางของผู้โดยสารใบหนึ่ง
ซึ่งห่อด้วยพลาสติกทั้งใบมาอย่างแน่นหนา
ได้ถูกคัดออกจากสายพานและถูกโยนลงมา
แม้แต่กระเป๋าที่แรปพลาสติกมาเพียงบางส่วนก็โดนด้วยเช่นเดียวกัน  

             นอกจากนี้ในคลิปวิดีโอของเอเดรียน
ยังเผยให้เห็นสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่องประเภทอื่น ๆ
ที่จะเป็นปัญหาถูกคัดออกจากสายพายลำเลียงเช่นเดียวกัน นั่นก็คือ
กระเป๋าเดินที่มีพื้นผิวเป็นยาง, สัมภาระที่ป้ายแท็กขาด,
รถเข็นเด็กที่จัดเก็บมาไม่เหมาะสม
รวมไปถึงปลาแช่แข็งขนาดใหญ่ที่ห่อมาด้วยพลาสติก

ห่อกระเป๋าเดินทาง
ภาพจาก TikTok @teh_deagz

ห่อกระเป๋าเดินทาง

ภาพจาก TikTok @teh_deagz

             หลังจากคลิปวิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ออกมาก็ได้รับความสนใจจากผู้ใช้โซเชียล
พากันเข้าไปแสดงความคิดเห็นโดยส่วนใหญ่คิดว่า
กระเป๋าของพวกเขาสมควรถูกห่อด้วยพลาสติก เพราะว่ามันถูกโยนแบบนี้

             “ฉันห่อกระเป๋าฉันเพราะว่ามันได้รับการจัดการแบบหยาบ ๆ จนเสียหาย”

             “หลังจากเห็นคุณทำกับกระเป๋าแบบนี้ ฉันจะห่อมันให้แน่นยิ่งขึ้น”

             “เที่ยวบินครั้งหน้า ฉันจะห่อกระเป๋าเดินทางด้วยพลาสติก กระเป๋าใบนี้ใหม่เอี่ยมมาก แต่พนักงานอาจจะทำลายด้วยการโยนไปมา…”

             อย่างไรก็ดี
ตามรายงานของ Travel & Leisure นิตยสารการท่องเที่ยวของสหรัฐฯ ระบุว่า
การห่อกระเป๋าเดินทางด้วยพลาสติกนั้น อาจไม่ได้มีประโยชน์มากนัก
โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ห่อกระเป๋าด้วยพลาสติก เนื่องจากไม่มีประโยชน์ใด ๆ
ที่จะคุ้มกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
แนะนำให้ใช้กระเป๋าเดินทางที่มีตัวล็อกมาตรฐานของ TSA Lock (Transportation
Security Administration Lock)
ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยของสัมภาระในระหว่างการเดินทางระหว่างประเทศ

ขอบคุณข้อมูลจาก UNILAD

บริษัทเหมาลอตเตอรี่ แจก พนง. รับปีใหม่ มีคนถูกจริง ๆ 28 ล้าน แต่สั่งให้คืน

          บริษัทเหมาลอตเตอรี่ แจก พนง. เจอคนดวงเฮงถูก 28 ล้าน สั่งให้เอามาคืน อ้างจะแบ่งเงินเท่า ๆ กันทุกคน ทนายตอบแล้ว ทำแบบนี้ได้เหรอ



บริษัทเหมาลอตเตอรี่ แจก พนง มีคนถูกจริง 28 ล้าน แต่สั่งให้คืน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          วันที่ 8 มกราคม 2568 เว็บไซต์ ETtoday รายงานเหตุความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เมื่อพนักงานชายคนหนึ่งจากบริษัทในเมืองหนิงโป มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน กำลังจะได้รับโชคก้อนใหญ่ หลังลอตเตอรี่ที่เขาได้รับมาจากบริษัท ถูกรางวัลใหญ่ มูลค่า 6.08 ล้านหยวน (ราว 28 ล้านบาท) ตอนแรกเขาก็ตื่นเต้นดีใจมาก แต่เพียงไม่นานกลับต้องขุ่นเคืองใจ เมื่อทางบริษัทสั่งให้เขาคืนลอตเตอรี่ใบนั้น เพื่อจะนำเงินรางวัลมาแบ่งให้แก่พนักงานทุกคนเท่า ๆ กัน

          พนักงานรายดังกล่าวเผยว่า เพื่อจะสร้างบรรยากาศต้อนรับปีใหม่ช่วงสิ้นปี ทางบริษัทจึงซื้อลอตเตอรี่จำนวน 500 ใบ มาแจกจ่ายแก่พนักงานที่เข้าร่วมอีเวนต์ช่วงสิ้นปี ด้วยความหวังว่าทุกคนจะสนุกไปด้วยกัน แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าลอตเตอรี่ที่ได้รับมานั้น จะนำโชคก้อนโตมาให้

          อย่างไรก็ตาม
เมื่อทางบริษัททราบกลับสั่งให้เขาเอาลอตเตอรี่ไปคืน และมีแผนจะนำเงินรางวัล
6.08 ล้านหยวน มาแบ่งให้พนักงานทุกคนที่ร่วมอีเวนต์นั้น เป็นจำนวนเท่า ๆ
กัน แต่เขาไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนั้น
สุดท้ายทั้งตัวเขาและบริษัทจึงต้องไปเคลียร์ปัญหานี้ที่สถานีตำรวจ

         
อย่างไรก็ตาม ทางสถานีตำรวจท้องถิ่นเผยว่า เนื่องจากเป็นข้อพิพาททางแพ่ง
จึงแนะนำให้ทั้ง 2 ฝ่ายแก้ไขปัญหากันผ่านช่องทางกฎหมาย  
 
         
ด้านคนวงในของบริษัทดังกล่าว เผยว่า จริง ๆ แล้วเลขที่ถูกรางวัลนั้น
ถูกประกาศตั้งแต่ก่อนจะนำลอตเตอรี่ไปแจกแก่พนักงาน
ดังนั้นเถ้าแก่จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน
ตรวจสอบดูก่อนว่าลอตเตอรี่ใบไหนคือใบที่ถูกรางวัล
จากนั้นให้นำใบที่ไม่ถูกรางวัลไปแจกแก่พนักงาน
แต่คาดว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินที่นำลอตเตอรี่ไปแจก
ไม่ได้ตรวจสอบให้รอบคอบเสียก่อน

         
ทั้งนี้ ทนายในเมืองหนิงโป ให้ความเห็นในกรณีนี้ว่า
ลอตเตอรี่นี้เดิมเป็นของขวัญที่บริษัททมอบให้แก่พนักงาน นั้นหมายความว่า
ทั้งบริษัทและพนักงานได้ทำสัญญามอบของขวัญกัน
ซึ่งตีความได้ว่าบริษัทได้มอบสิทธิที่เกี่ยวข้องในลอตเตอรี่นี้แก่พนักงานไปแล้ว
ดังนั้นสิทธิต่าง ๆ จึงถูกโอนออกไป
ข้อเรียกร้องจากทางบริษัทให้นำเงินรางวัลมาแบ่งกัน
จึงไม่มีเหตุผลทางกฎหมายมารองรับ

ขอบคุณข้อมูลจาก ETtoday  

สะพรึง แม่งูท้องแก่ถูกรถทับ – ท้องแตก สลดซากลูกงูกว่า 40 ตัว กองเต็มพื้น

          ภาพสะพรึง แม่งูอนาคอนด้าท้องแก่ ถูกรถทับตายบนทางด่วน ท้องแตกจนลูกงูไหลทะลัก กองเต็มพื้นถนนร่วม 40 ตัว



แม่งูท้องแก่ถูกรถเหยียบ - ท้องแตก
ภาพจาก Instagram ederfisherman

         วันที่ 8 มกราคม 2568 เว็บไซต์เดอะซัน มีรายงานภาพสลดปนสยองของงูอนาคอนด้าเขียวตัวใหญ่ ขนาดยาว 5 เมตร ที่ซากของมันนอนเหยียดยาวอยู่กลางถนน โดยมีลูกงูตัวเล็ก ๆ จำนวนมาก ไหลออกมากองรวมกันบนพื้นถนน หลังจากที่แม่งูตัวนี้ถูกรถทับบนทางด่วนในประเทศบราซิล จนท้องแตกเป็นทางยาว

         เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา บนทางด่วน MT-338 ใน Porto dos Gauchos โดย เอเดอร์สัน เนกรี อันโตนิโอลี ชาวประมงและยูทูบเบอร์ เปิดเผยว่า เพื่อนของเขาเป็นคนเจอซากงู หลังจากที่ทั้งคู่ไปตกปลาด้วยกันและแยกย้ายกลับบ้าน จึงถ่ายคลิปส่งมาให้เขาดู

แม่งูท้องแก่ถูกรถเหยียบ - ท้องแตก
ภาพจาก Instagram ederfisherman

แม่งูท้องแก่ถูกรถเหยียบ - ท้องแตก
ภาพจาก Instagram ederfisherman

         จากภาพคาดว่าแม่งูตัวนี้น่าจะกำลังท้องแก่ เมื่อถูกรถชนจนท้องแตก ลูก ๆ
ของมันจึงได้ไหลออกมาแบบนี้ โดยมีลูกงูอยู่ประมาณ 40 ตัว
และดูเหมือนจะไม่มีลูกงูตัวใดที่มีชีวิตรอดเช่นกัน ทั้งนี้
เป็นที่สังเกตว่าลูกงูมีลักษณะค่อนข้างสมบูรณ์ ตัวยาวมากกว่า 1 ฟุต
น่าจะอยู่ในสภาพที่พร้อมคลอดในไม่ช้า แต่กลับเกิดเหตุสลดขึ้นเสียก่อน

         อนึ่ง
งูอนาคอนดาเขียว เป็นหนึ่งในงูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
สามารถโตจนมีความยาวถึง 8 เมตร และมีน้ำหนักถึง 100 กิโลกรัม
และเป็นงูที่ออกลูกเป็นตัว
     
ขอบคุณข้อมูลจาก The Sun

ไรเดอร์หนุ่มห่าม ชูมือเซลฟี่ – หันมาแลบลิ้น เสี้ยววินาทีก่อนชนโครม หมอบคาที่

 
           ไรเดอร์หนุ่มโชว์ห่าม ชูมือถือเซลฟี่ตอนขี่รถ หันมาแลบลิ้น-หามุมเก๋ รู้ตัวอีกทีชนโครม หมอบคาที่ บาดเจ็บสาหัสก่อนเสียชีวิต



จุดจบสายห้าว
ภาพจาก X @CronicaPolicial

            วันที่ 8 มกราคม 2568 เว็บไซต์เน็กซ์แอปเปิล
รายงานเหตุอุทาหรณ์เกี่ยวกับการขับขี่รถบนท้องถนน
เมื่อพนักงานเดลิเวอรี่หนุ่มวัย 21 ปี จากเซาเปาลู ประเทศบราซิล
ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อไลฟ์ภาพเซลฟี่อวดบนโซเชียลมีเดีย
ระหว่างขี่รถมอเตอร์ไซค์บนถนน เขาพยายามชูโทรศัพท์หามุมเก๋
พร้อมหันมาแลบลิ้นใส่กล้อง
โดยไม่รู้ว่านั่นจะเป็นภาพสุดท้ายก่อนที่รถของเขาจะปะทะกับเสาไฟคอนกรีต
จนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในที่สุด

            ด้าน El Heraldo
สื่อท้องถิ่น เปิดเผยว่า ชายคนดังกล่าวชื่อ เจฟเฟอร์สัน คามาร์โก เฟลิกซ์
ดา ซิลวา แม้เขาจะสวมหมวกกันน็อกขณะขับขี่ แต่เพราะเขาไม่สนใจมองทาง
ทำให้เกิดอุบัติเหตุที่คร่าชีวิต โดยพบว่าระหว่างขับขี่มอเตอร์ไซค์
เขายกกล้องขึ้นมาไลฟ์ภาพบนโซเชียล และพยายามจะหามุมเก๋ ๆ
ในการบันทึกภาพตัวเอง

จุดจบสายห้าว
ภาพจาก X @CronicaPolicial

            จากคลิปพบว่าเขาหันมามองและแลบลิ้นใส่โทรศัพท์หลายครั้ง
กระทั่งถึงจังหวะสุดท้าย ที่กว่าเขาจะหันไปมองทาง
เสาไฟก็อยู่ด้านหน้าในระยะที่หักหลบไม่ทันแล้ว  

            ยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุ

บันทึกภาพของไรเดอร์หนุ่มที่ขี่มอเตอร์ไซค์มือเดียวและหันไปมองโทรศัพท์มือถือ
โดยไม่รู้ตัวว่ารถกำลังเบนเข้าข้างทาง พุ่งตรงไปยังเสาไฟฟ้า
ก่อนที่จะชนเข้าอย่างจัง จนร่างกระเด็นไปนอนนิ่งบนพื้น
นับเป็นอุทาหรณ์เตือนใจผู้ขับขี่อย่างแท้จริง
 
            ทั้งนี้
หลังเกิดเหตุมีรายงานว่าทางตำรวจได้รีบตรงมายังจุดเกิดเหตุเพื่อให้การช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว
แต่หลังจากรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนาน 8 วัน
ชายหนุ่มที่บาดเจ็บหนักก็เสียชีวิตในวันที่ 2 มกราคม ที่ผ่านมา

จุดจบสายห้าว
ภาพจาก X @CronicaPolicial

จุดจบสายห้าว
ภาพจาก X @CronicaPolicial

จุดจบสายห้าว
ภาพจาก X @CronicaPolicial

ขอบคุณข้อมูลจาก Next Apple,  El Heraldo

ชอกช้ำ ผัวทิ้งเมีย-ลูก 5 เดือน หลังสร้างหนี้-ไปเปิดตัวอยู่กินชายชู้ เชื่อเปย์กันฉ่ำ

           เมียชอกช้ำ ผัวทิ้งเมีย-ลูก 5 เดือน หลังสร้างหนี้จนเกินแบก เคยทำร้ายร่างกาย ซ้ำไปเปิดตัวอยู่กินกับชายชู้ เชื่อเงินทองที่สูบไปเอาไปเปย์อีกฝ่าย



ผัวมีชู้
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล


            วานนี้ (7 มกราคม 2568) โหนกระแส รายงานกรณีได้รับร้องเรียนจากหญิงวัย 25 ปี รายหนึ่ง ว่าสามีไม่รับผิดชอบดูแลครอบครัว ทำร้ายร่างกาย สร้างภาระหนี้สิน และยิ่งช็อกเมื่อทราบว่าสามีไปเปิดตัวอยู่กินกับผู้ชาย

           โดยหญิงรายนี้เปิดเผยว่า รู้จักกับสามีขณะเรียนปริญญาตรี คบหากันตั้งแต่ปี 2566 อยู่กินกันฉันสามีภรรยา มีการหมั้นหมายไว้แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส ผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายรับรู้ ต่อมาสามีเริ่มมีพฤติกรรมรุนแรง เมื่อโมโหหรือไม่พอใจก็จะทำร้ายร่างกายและด่าทอสารพัด แม้แต่ตอนที่เธอตั้งครรภ์ก็ยังไม่เว้น

            โดยสามีเป็นคนขี้หึง ตอนที่เธอตั้งครรภ์ประมาณ 5 เดือน เขาเข้าใจผิดว่าเธอไปคุยกับผู้ชายคนอื่น จึงโมโหทำร้ายร่างกาย ตอนนี้คลอดลูกได้ 5 เดือนกว่าแล้ว
 
            นอกจากนี้สามียังบังคับให้เธอซื้อรถและคอนโดเป็นชื่อของเธอ แต่หลังจากออกรถ สามีกลับนำไปขายทันที เธอพยายามผ่อนส่งแต่ก็ส่งไม่ไหว จึงโดนฟ้องและยึดทรัพย์ โดยสาเหตุที่ยอมออกรถเพราะกลัวว่าจะถูกทำร้ายอีก เหมือนก่อนหน้านี้ที่สามีเคยบังคับให้ซื้อบ้าน แต่เธอไม่เห็นด้วยจึงตอบคำถามกับธนาคารเพื่อให้กู้ไม่ผ่าน สามีก็กระทืบเท้าต่อหน้าพนักงานธนาคาร และลากเธอออกมาต่อว่า กล่าวหาว่าเพราะทำตัวแบบนี้ ชีวิตเขาถึงไม่ดีขึ้น ทำไมไม่ฟังเขา
 
            ช่วงที่คลอดลูก สามีก็แอบนำเอกสารพวกวุฒิปริญญาและเอกสารที่อยู่ในหอพักไปหมด เธอกังวลว่าสามีจะไปทำให้เธอเป็นหนี้ เพราะตอนที่อยู่ด้วยกันเขาก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อจะกู้เงินออนไลน์ แต่เธอก็ขัดไม่ได้

            จนเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เธอทราบว่าสามีไปมีผู้ชายคนอื่น มีบ้านและรถด้วยกัน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยพูดไปด้วยอารมณ์ว่าถ้ายังคิดไม่ได้ก็ให้เลิกกันไป หวังให้เขาได้คิด เพราะขนาดตอนที่เธอท้อง 8 เดือนแล้วโดนรถชน เขาก็ไม่ได้มาสนใจอะไร

            ทั้งนี้
ที่มาร้องผ่านโหนกระแส เพราะอยากให้เขามารับผิดชอบเรื่องลูก
ไม่จำเป็นต้องกลับมาคืนดี แต่อยากให้มาดูแลลูกของเขา
รวมถึงหนี้สินที่ก่อไว้ ส่วนเรื่องที่เขาเคยทำร้าย อยากให้เขาได้รับผลจากการกระทำ ไม่ใช่ไปมีชีวิตใหม่อย่างมีความสุข
โดยทิ้งให้เธอต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำไว้

 
            ตอนที่รู้ว่าเขามีคนอื่น เธอเคยติดต่อไปทางครอบครัวเขาแล้ว มีส่งรูปไปให้ดู
แต่ทางนั้นก็ไม่ติดต่อมาอีกเลย ไม่คิดจะติดต่อหาหลาน เธอช็อกมากเพราะระหว่างคบกันเขาก็มีเรื่องผู้หญิงตลอด
ไม่เคยคิดว่าจะไปคบกับผู้ชาย

            ทั้งนี้ เธอคิดว่าเงินทองที่เขาหาไปจากเธอก็ถูกนำไปเปย์ผู้ชายคนใหม่
เพราะรุ่นน้องของเธอเห็นเขาเปิดตัวกันมานานแล้ว แค่ไม่อยากให้เธอรับรู้เพราะเพิ่งคลอด เมื่อเธอโทร. ไปถามสามี เขาก็บอกว่าไม่มีอะไรจะอธิบาย
มันก็ชัดเจนหมดแล้ว
 
ขอบคุณข้อมูลจาก โหนกระแส