ผู้เขียน: admin

         ร้านอาหารดัง โดนให้ 3 ดาว หลังไม่จดออร์เดอร์ กับ ตักข้าวให้ลูกค้า แจงยิบ ทุกอย่างมีที่มา ถ้าเจอลูกค้าแบบนี้ขอไม่ทำดีกว่า

ภาพจาก See-na-nuan cafe’ I สีนานวล คาเฟ่

         วันที่ 27 มกราคม 2568 เฟซบุ๊ก See-na-nuan cafe’ I สีนานวล คาเฟ่ ร้านอาหารไทยใน จ.ขอนแก่น มีการโพสต์ชี้แจงประเด็นเรื่อง ทำไมพนักงานร้านถึงไม่สามารถจดออร์เดอร์ หรือตักข้าวใส่จานให้กับลูกค้าได้ หลังจากมีลูกค้ารีวิวให้ 3 ดาว มีข้อความทั้งหมด ดังนี้

         ขอบคุณครับ แต่จดออร์เดอร์ กับ ตักข้าวใส่จานให้ทุกคน ผมให้พนักงานทำไม่ได้จริง ๆ ครับ และให้ตายผมก็จะไม่ทำ…

ภาพจาก See-na-nuan cafe’ I สีนานวล คาเฟ่

ภาพจาก See-na-nuan cafe’ I สีนานวล คาเฟ่

         ลองมาเจอเรื่องแบบที่เราเจอ

        
เจอลูกค้าคะยั้นคะยอให้จดออร์เดอร์ เซตใหญ่ 7 เซต เพราะจะสั่งรอนาย
พอนายมาจะสั่งอาหารที่อยากกิน ตัวเองกลัวนายด่าว่าสั่งแบบเซต
ทำโมเมตีมึนว่าไม่ได้สั่ง ไม่ได้จดนะ ใครจด ใครสั่ง
นายพี่ยังไม่มาพี่จะสั่งได้ยังไง ลายมือน้องจดนิ แล้วปล่อยพนักงาน
จ่ายค่าอาหารที่เคลียร์ขายต่อไม่ได้เกือบ 7,000 จนลาออกเพราะท้อ
และหมดกำลังใจทำงานต่อ

          หรือเจอกรุ๊ปจอง 300 ที่ พนักงาน 4
คน ตักข้าว รินน้ำ ลงอาหาร ตั้งแบ่งแกงให้ ทั้ง 300 คน พอเราทำไม่ทัน
ด่าโวยวาย ตักน้อย ตักมาก ตักไม่เท่ากัน ไม่ถูกใจ ก็ด่าเหมือนเราทำผิดมาก

          จะเข้าใจเราครับ…ขอบคุณครับ

          หลายครั้งที่เรามักจะได้เห็นความไม่ลงรอยกันระหว่างแม่สามีและลูกสะใภ้ จนเรียกได้ว่าเป็นปัญหาสุดคลาสิก แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้มีภาพไวรัลสร้างความประทับใจ เมื่อแม่สามีควงลูกสะใภ้ไปเข้าร่วมงานหมั้น ซึ่งแม่สามีทั้งสวยและสาวมากจนดูเหมือนว่าเป็นพี่สาวมากกว่า แถมเมื่อรู้อายุยิ่งกลายเป็นประเด็นฮือฮา

          แม่สามีรายนี้มีบุคลิกและท่าทางที่สง่างาม และในขณะเดียวก็ดูใจกว้าง จนดูเหมือนกับเป็นพี่สาวของลูกสะใภ้ นอกจากนี้ ที่น่าสนใจคือ ในงานหมั้นครั้งนี้ เธอได้เปิดเผยเรื่องราวภายในที่ไม่คาดคิด ปรากฏว่าเธอไม่ได้เป็นเพียงแค่แม่ของลูกชายเท่านั้น แต่ยังเป็นแม่สื่อของเขาด้วย โดยลูกสะใภ้คนนี้เป็นเพื่อนร่วมงานของเธอในร้าน ดังนั้นเธอจึงเป็นคนช่วยลูกชายหาลูกสะใภ้ด้วยตัวเอง  

          นอกจากนี้เรื่องอายุของแม่สามีรายนี้ก็กลายเป็นประเด็นที่ผู้คนเข้าไปถกเถียงกันอย่างดุเดือด โดยส่วนหนึ่งรู้สึกชื่นชม กล่าวทำนองว่า “ดีจังเลย แม่สามีและลูกสะใภ้ เหมือนพี่สาวน้องสาวกัน”, “มีแม่สามีเหมือนเป็นเพื่อน แบบนี้เรียกว่าโชคดีได้ไหม”, “ดูเหมือนทั้งสามคนเป็นวัยเดียวกันหมดเลย”  

ภาพจาก Weibo

          แต่ในขณะเดียวกัน อีกส่วนก็รู้สึกประหลาดใจที่แม่สามีอายุ 38 ปี ในขณะที่ลูกชายของเธอก็โตจนถึงวัยมีคู่ครองแล้ว บางรายสงสัยว่าเธอมีลูกตอนอายุเท่าไหร่ “ในขณะที่บางคนอายุ 38 ปี เพิ่งจะแต่งงาน แต่เธอมีลูกสะใภ้แล้ว จะรู้สึกแปลก ๆ ไหม” มีชาวเน็ตรายหนึ่งกล่าวด้วยความตกตะลึงว่า “ฉันอายุ 40 แล้วลูกยังเรียนประถมอยู่เลย”  

ขอบคุณข้อมูลจาก Sin Chew, NetEase

          ครอบครัวเข้าพักโรงแรม ตื่นมากินบุฟเฟต์ เจอความสยองขนลุก หนอนตัวเป็น ๆ อยู่ในถังนมเป็นฝูง ขอย้ายที่พักด่วน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก TVN

          วันที่ 25 มกราคม 2568 เว็บไซต์ Soha เผยว่า มีประเด็นดราม่าร้อนแรงบนโซเชียลมีเดียของประเทศเวียดนาม เมื่อมีผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่งได้แชร์ประสบการณ์สุดสะพรึง ขณะพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนที่รีสอร์ตชื่อดังแห่งหนึ่ง พวกเขาได้เจอกับความสยดสยองอย่างไม่คาดฝันในไลน์อาหารเช้าบุฟเฟต์ มีหนอนเป็นฝูงอยู่ในถังนม

          ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อย่อ TVN ได้เผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ในช่วงวันหยุด เขาและครอบครัวไปเข้าพักที่รีสอร์ตระบุชื่อย่อว่า M. ในเมืองกามซัญ จังหวัดคั้ญฮหว่า ริมชายฝั่งของประเทศเวียดนาม กระทั่งในเช้าวันแรก พวกเขาได้ไปกินอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ที่ทางที่พักจัดเตรียมเอาไว้ให้ แต่แล้วอยู่ ๆ ลูกชาย 2 คนของเขาก็บอกว่า “พ่อครับ มีหนอนว่ายอยู่ในนม”

          ในตอนแรกเขาคิดว่าลูกชายล้อเล่น จึงหัวเราะขำขัน แต่ปรากฏว่าเมื่อเขาเห็นตัวของมันก็ไม่อยากเชื่อสายตา จึงได้เดินไปที่ถังใส่นมที่ตั้งอยู่ในไลน์อาหารบุฟเฟต์ จากนั้นก็เปิดฝาออกดู กระทั่งได้พบต้นตอของจริง เห็นฝูงหนอนแมลงวันจำนวนมากอยู่ในนั้น ทั้งเกาะอยู่ที่ข้างถัง และมีบางส่วนที่ลงไปว่ายอยู่ในนม

          “พ่อแม่ที่กำลังเตรียมตัวพาลูก ๆ ไปเที่ยวพักผ่อนควรระวังเป็นพิเศษ” เจ้าของโพสต์ กล่าว

ภาพจาก เฟซบุ๊ก TVN

          หลังจากเจอเหตุการณ์ดังกล่าว เขาได้ขอให้ทางรีสอร์ตย้ายครอบครัวของเขาไปที่โรงแรงแห่งอื่นโดยด่วน ซึ่งทางรีสอร์ตก็ตกลงและส่งคำขอโทษมา พร้อมทั้งคำอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากมีการพูดคุยกัน ทางรีสอร์ตยังได้คืนเงินค่าจองให้กับครอบครัวของเขา

          ทางเจ้าของโพสต์เผยว่า เขาพอใจกับการจัดการของทางรีสอร์ตในกรณีของเขา
แต่สำหรับแขกคนอื่น ๆ ที่พักที่นั่น
เขาไม่เห็นว่าทางรีสอร์ตได้มีการดำเนินการใด ๆ หรือไม่
ไม่รู้ว่ามีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านสุขอนามัย หรือรับผิดชอบใด
ๆ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร
จึงได้ฝากเตือนเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนอื่น ๆ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก TVN

ภายหลังจากเรื่องราวเป็นประเด็นดราม่าที่ได้รับความสนใจและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือด
ทางรีสอร์ตดังกล่าว ได้เผยคำชี้แจงระบุว่า
ขณะนี้กำลังดำเนินการสืบสวนและตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด

         
“เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสุขภาพของลูกค้าเป็นอันดับแรกเสมอ
เราขออภัยหากข้อมูลนี้ส่งผลกระทบต่อคุณ
ขณะนี้ฝ่ายจัดการของทางรีสอร์ตกำลังดำเนินการตรวจสอบปัญหาอย่างละเอียด
และจะแจ้งให้ลูกค้าทราบเมื่อมีความคืบหน้า”

ภาพจาก เฟซบุ๊ก TVN

           เจอแบบนี้เข้าไป คนไทยที่เห็นก็ต่างยอมรับว่า ไม่ใช่แค่ต่างชาติหรอกที่งง แม้กระทั่งคนไทยเองยังงงเหมือนกัน ใช้รถแบ็กโฮพายเรือ คิดได้ยังไง แถมไม่ใช่สิ่งที่เห็นกันได้ง่าย ๆ ด้วย

          วันที่ 25 มกราคม 2568 คุณ Botania สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มีการตั้งกระทู้เรื่อง “จิตวิทยาของการเปิดร้านกาแฟ” หลังจากพบว่า มีร้านกาแฟเปิดใหม่แถวบ้านเป็นร้านที่ 3 ในรอบ 6 เดือน ทำให้ตระหนักได้ว่า ร้านกาแฟเป็นหนึ่งในธุรกิจยอดนิยมของไทย ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือแย่ ก็ไม่มีจำนวนลดลงเลย

ความเห็นชาวเน็ต ต่อการเปิดร้านกาแฟ

          ส่วนชาวเน็ตมองว่า ร้านกาแฟยุคปัจจุบันเยอะมากจริง และก็มีหลายร้านที่อยู่รอด หลายร้านที่ไม่รอด

          ปัจจัยหลักที่คนนิยมเปิด นอกเหนือจาก 3 ข้อที่เจ้าของกระทู้ระบุมาแล้ว ยังมีเรื่องอื่น ๆ เช่น ภาพลักษณ์การเป็นเจ้าของร้านกาแฟมันดูเท่, ต้นทุนการเริ่มต้นที่ไม่สูงมาก, การสร้างเอกลักษณ์ธุรกิจ ทำได้ง่ายกว่าธุรกิจอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มีคนอยากเข้ามาทำธุรกิจร้านกาแฟมากขึ้น แม้จะมีหลายคนเจ๊งไปแล้วก็ตาม

 
          เห็นช่างทำบ้านเอาอีกัวน่าสีแดงมาเลี้ยงไป ทำงานไป แต่เมื่อกดซูมกลับพบว่า สิ่งที่คิดในตอนแรก ไม่ใช่สิ่งที่เป็น งานนี้ขำหนัก มันเหมือนจริง ๆ

ภาพจาก TikTok @cat_house225

ภาพจาก TikTok @cat_house225

          ในมุมเจ้าของคลิป มองว่า
มันมีสีแดงแปลกตา ต้องเป็นอีกัวน่าแน่ ๆ แต่เมื่อซูมดูเข้าไปใกล้ ๆ ก็พบว่า
มันไม่ใช่อีกัวน่าอะไรหรอก แต่เป็นถุงพลาสติกสีแดง

          ชาวเน็ตที่ดูคลิปก็ยอมรับว่า มันเหมือนอีกัวน่าจริง ๆ ในตอนแรก แถมดูขยับได้ ดูเหมือนแลบลิ้น ที่ไหนได้โอละพ่อมาก

          เปิดหนึ่งในเบื้องหลังเคสน้องอัษ หายตัวไปนาน 5 ปีก่อนที่จะเจอตัว ที่ทำให้ชาวเน็ตต่างชื่นชมในแบรนด์สินค้า ช่วยเหลือได้มากเลย

ภาพจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว

          จากกรณีที่น้องอัษ วัย 13 ปี หายตัวไปนานกว่า 5 ปี แต่สุดท้ายก็มีปาฏิหาริย์ ครอบครัวเจอตัวน้อง เด็กกลับมาอยู่กับพ่อแม่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง โดยที่หลายคนก็สงสัยว่า อะไรคือตัวแปรที่ช่วยทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเจอตัวน้องได้

          อ่านข่าว : พบตัวน้องอัษ เด็กวัย 13 หายตัวจากบ้านไป 5 ปี แทบไร้เบาะแส ก่อนเจอตัวอย่างปาฏิหาริย์

          ล่าสุด วันที่ 25 มกราคม 2568 เฟซบุ๊ก เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา มีการโพสต์เฟซบุ๊กเล่าหนึ่งในเบื้องหลังที่ช่วยทำให้เจอตัวน้องอัษว่า
เคสน้องอัษ เด็กหายไปนาน 5 ปีที่เพิ่งพบตัว
เป็นเคสที่ส่งไปลงประกาศบนซองขนม ลิตเติ้ลฟาร์ม ในปี 2025
ทางบริษัทกำลังส่งจัดพิมพ์ซองขนมชุดใหม่แล้ว แต่พบตัวน้องก่อน เมื่อวานเลยเปลี่ยนส่งภาพเด็กหายอีกรายไปแทน

          ตอนนี้มีภาพประกาศเด็กที่ซองขนม ลิตเติ้ลฟาร์ม รวม 3 คน และกำลังเพิ่มประกาศเด็กหายรายใหม่อีก 3 คนในปีนี้ครับ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข

          สั่งข้าวหมูกรอบไข่ดาวมากิน เนื้อทอดจนเกรียมน่าทาน ดูเผิน ๆ ไม่มีอะไร แต่กลับมีแขกไม่ได้รับเชิญ ทอดจนเกรียมติดมาด้วย อวสานอาหารมื้อนี้

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Mym Manyy

          วันที่ 25 มกราคม 2568 เฟซบุ๊ก Mym Manyy มีการเล่าประสบการณ์การสั่งหมูกรอบไข่ดาวส่งผ่านไรเดอร์ แต่เมื่อของมาถึง เปิดกล่องมาก็เจอเรื่องชวนผงะ เพราะข้างในมีแมลงสาบถูกทอดจนเกรียม สีเดียวกับเนื้อหมูอยู่ในจาน เห็นแล้วชวนอี๋ ร้านทำไปได้ยังไงกัน

          เรื่องนี้ถ้ามองดูเผิน ๆ แว้บเดียว มันกลมกลืนมากจนแทบแยกไม่ออก โชคดีที่เจอก่อนตักเข้าปาก ส่วนใครที่กินข้าวอยู่ก็ขออภัยที่ต้องมาเห็นภาพแบบนี้

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Mym Manyy

          ด้านชาวเน็ตก็ต่างโล่งใจที่เจ้าของโพสต์เจอก่อนเช่นกัน เพราะถ้าเจ้าของร้านเจอก่อน คงจะหยิบแมลงสาบออก แล้วก็ปิดกล่องส่งให้เจ้าของโพสต์กินโดยที่จะไม่มีทางรู้ว่าเบื้องหลังเป็นแบบนี้

          ที่พีคกว่านั้นคือ ในแอปฯ มีการอวยพรขอให้ทานอาหารให้อร่อย สอดคล้องกับอาหารมื้อนี้จริง ๆ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Mym Manyy

ภาพจาก เฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ

         ล่าสุด วันที่ 25 มกราคม 2568 เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ของนายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์แสดงความเห็นว่า ปรากฏการณ์เรื่อง งูกัดหางตัวเองนั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ครับ ถ้าจำกันได้ คราวที่ไฟไหม้สวนจตุจักร แล้วก็เจอซากงูที่กัดหางตัวเอง ตายอยู่ในกองไฟ หลายตัว

         ซึ่งตอนนั้นก็มีคนเข้าใจกันผิดๆ ว่างูมันชิงฆ่าตัวตายซะก่อน โดยการกัดปล่อยพิษ เพื่อจะได้หนีจากไฟไหม้ ทั้งนั้นจริง ๆ แล้ว การกัดหางตัวเองแบบนั้น เกิดขึ้นได้เวลาที่งูเกิดความเครียดขึ้นมาก ๆ

         คุณ Nick อสรพิษ เคยช่วยอธิบายไว้ว่า โดยธรรมชาติ งูฆ่าตัวตายไม่เป็น และไม่มีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่การกัดหางตัวเองนั้นเป็นปฏิกริยาเมื่องูต้องสู้กับความทรมานอย่างแสนสาหัสเมื่อใกล้ตาย เช่น ไฟไหม้และร้อนมาก ขาดอากาศหายใจ ก็จะทำให้ตัวบิดเกร็ง ทุรนทุราย

         “ธรรมชาติของงูเมื่อเขาทุรนทุรายมาก เขาจะอ้าปากค้างเอาไว้ และหากมีอะไรเข้าไปในปากเขาก็จะงับโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ ฟันของงูที่ค่อนข้างแหลมและงุ้มเข้าเมื่อได้งับอะไรแล้วจะถอนออกได้ยาก ผลที่ออกมาคือ เขาก็จะขาดใจตาย เพราะความร้อนในสภาพที่มีหางอยู่ในปาก เป็นภาวะที่กัดหางโดยไม่ได้ตั้งใจจะกัด แต่เป็นปฏิกริยาอัตโนมัติตอนใกล้ตาย ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นหางตัวเองเสมอไป หากระหว่างที่เขาอ้าปากระหว่างทรมานแล้วมีอย่างอื่นอยู่ใกล้ๆ เขาก็จะงับอย่างอื่น ไม่ใช่การฆ่าตัวตายแน่นอน”

         ปล. แต่จากนี้ที่เป็นข่าวนี้ ผมดูเหมือนของทำขึ้นเลยครับ เหมือนตั้งใจเอาหางมายัดปากซากงูไว้ ก่อนทำเป็นเครื่องรางของขลัง

เพจอีซ้อ แฉขบวนการขายซากงูกินหาง

         ขณะที่ เฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ มีการโพสต์ว่า ตอนนี้มีการปิดพรีออเดอร์ งูกินหาง มีวัดไหนสำนักทรงไหนสนใจ อยากเอาจะนำไปใส่พานให้คนกราบไหว้ ตอนนี้มีจำหน่ายหลายรุ่น เล็ก-ใหญ่, เผือก-ไม่เผือก เมื่อเอาไปใส่พาน ติดทอง สามารถเพิ่มมูลค่าด้วยการตั้งตู้รับบริจาคได้ การันตีคืนทุนไว

         ปล. ตอนนี้จัดโปร 1 แถม 1 พร้อมจัดฉากการเจอซากให้ฟรี

          วันที่ 24 มกราคม 2568 เซฟ กระทะฮ้าง อินฟลูเอนเซอร์ด้านการทำอาหารท้องถิ่น ได้เปิดเผยรายได้จากการทำคลิป ซึ่งแต่ละคลิปมีคนดูหลัก 20-30 ล้าน มันสามารถสร้างรายได้สูงถึง 14,789 ดอลลาร์สหรัฐ หรือตีเป็นเงินไทย ประมาณ 5 แสนบาท

ภาพจาก เฟซบุ๊ก สมบูญ วรรณวงศ์